ความเคลื่อนไหว

     

     

ขอเชิญชวนร่วมบริจาคโครงการ ครูอาสาฝรั่งใจดี      โครงการ VEB ของเรา ริเริ่มโดย ข้าพเจ้า วิญญู ศรีศุภโชค เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เพื่อเติมเต็มช่องว่างของเด็กโรงเรียนรัฐเล็ก ๆ ที่มีโอกาสน้อยมากในการได้เรียนกับครูภาษาอังกฤษชาวต่างชาติ เจ้าของภาษา และ ผมในฐานะที่ทำงานให้กับ บ้านพักนานาชาติ "บ้านสบาย" พอทราบว่า เรื่องการท่องเที่ยวเชิงอาสา ที่ฝรั่งหลายท่านต้องยอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อแลกกับการทำงานอาสา ทั้งที่เขาควรต้องได้ค่าแรงด้วยซ้ำ แต่กลับต้องมาเสียเงินจำนวนมากนั้น ๆ "ผมน่าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง จึงทำการเสนองานอาสาให้ฝรั่งใจดี โดยแลกกับการได้สิทธิ์พักห้องของบ้านพัก บ้านสบาย ด้วยราคาพิเศษเราไม่ได้เข้ามาสอนเพิ่ม แต่ เราสอนเสริม เราจะเติมเต็มในช่องว่าง" และ เมื่อผลตอบรับ มันดีมาก เด็กชอบ ครูชอบ อาสาฝรั่งใจดีชอบ เราเลยขยายแนวคิดนี้ ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ อยุธยา กาญจนบุรี โคราช และ บางกอกน้อย เพื่อให้ การต่อยอด เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้นเพื่อให้ ครูอาสาฝรั่งใจดี  มีหนังสือ มีเครื่องมือ ที่ดี ที่เป็นระบบ ในการสอนเพื่อให้ เด็กน้อย มีหนังสือ มีเครื่องมือ ที่เขาสามารถนำเอากลับไป ฝึกที่บ้านได้ ผม เลย อยากได้เงินบริจาค มาเพื่อ ซื้อหนังสือเรียนภาษาอังกฤษและสมุดวาดเขียน ให้แก่นักเรียน เลยต้องมารบกวนเพื่อน ๆ  ช่วยเหลือผมหน่อยครับ ประโยชน์ของโครงการ เพื่อให้ครูอาสาฝรั่งใจดี  มีหนังสือ มีเครื่องมือ ที่ดี ที่เป็นระบบในการสอนเพื่อความยั่งยืน นั่นคือเด็กมีหนังสือ มีเครื่องมือ ที่เขาสามารถนำเอากลับไป ฝึกที่บ้านได้เพื่อให้ครูคนไทย ที่ช่วยสอนอยู่ ได้ซึมซับสำเนียง การพูด จากเจ้าของภาษา เป็นการพัฒนาครูไปในตัว เราจะจัดหาหนังสือภาพ ที่สอนในสิ่งรอบ ๆ ตัว มาเป็นเครื่องมือหลักในการสอน ตามแนวทางคล้ายกับแผ่นภาพในรูปนี้ที่เราได้ผลตอบรับที่ดี กิจกรรมที่จะดำเนินโครงการ จัดซื้อหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ ที่เป็นคำศัพท์ รูปภาพ เรื่องชีวิตประจำวันจัดซื้อสมุดวาดเขียน พร้อมอุปกรณ์จัดทำหนังสือคู่มือการใช้หนังสือเล่มที่จะจัดซื้อให้กับครูอาสาฝรั่งใจดีจำนวนโรงเรียนในเครือข่ายปัจจุบันเรา ที่จะนำเข้าร่วมโครงการนี้ 2-4 โรงเรียน โรงเรียนละ 1-2 ห้อง ดังนี้โรงเรียนคลองทรงกระเทียม โรงเรียนวัดตลาด โรงเรียนวัดชุกพี้ โรงเรียนปราสาททอง หรือ โรงเรียนสหบำรุง (มูลนิธิ) ท่านที่ต้องการร่วมให้ความช่วยเหลือสนับสนุนสมทบทุน  สามารถร่วมบริจาคออนไลน์ได้ที่ โครงการครูอาสาฝรั่งใจดีลงประกาศ ณ วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557Kapook iCare 

รายการมองคนมองโลก Crowdfunding การระดมทุนผ่าน Internet ตอนที่2 ออกอากาศเมื่อวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2557 เวลา 18.30 น.-19.00 น. ทางเนชั่นแชนแนล พิธีกร คุณวีณารัตน์ เลาหภคกุล สัมภาษณ์คุณสิรินาทต่อวิริยะเลิศชัย ผู้จัดการโครงการเทใจดอทคอม และคุณฉัตรชัย อภิบาลพูนผล เจ้าของโครงการเล่นเส้น ชุดวาดเขียนสำหรับน้องผู้พิการทางสายตา  รายการมองเรามองโลก ตอน "Crowdfunding การระดมทุนผ่าน Internet ตอนที่2" ช่วง 1  มองเรามองโลก ตอน "Crowdfunding การระดมทุนผ่าน Internet ตอนที่2" ช่วง 2 มองเรามองโลก ตอน "Crowdfunding การระดมทุนผ่าน Internet ตอนที่2" ช่วง 3

 เทใจดอทคอม การให้ในยุคเทคโนโลยี ในหนังสือพิมพ์มติชน-----------โลกไอทีอำนวยความสะดวกให้คนมากขึ้น โซเชียลมีเดียทำให้คนใกล้ชิดกันมากขึ้น และเราก็ควรใช้เทคโนโลยให้มาการแก้ปัญหาสังคมที่ซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้นร่วมกัน ต้นกำเนิดของเทใจดอทคอม (www.taejai.com)ที่มีความเชื่อว่า ไอเดียเจ๋ง ๆ ในการแก้ปัญหามีมากมาย แต่เงินทุนในการแปลงไอเดียให้เป็นจริงยังขาดแคลน   หากมีการเชื่อมคนมีของ(ไอเดีย และคนที่พร้อมสนับสนุน การแก้ปัญหาที่ร้างสรรค์ก็จะเกิดขึ้นจริงนั่นคือที่มาที่ทำให้สถาบัน ChangeFusion ภายใต้มูลนิธิบูรณะชนบท แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิเพื่อ ”คนไทย” สร้างพื้นที่กลาง www.taejai.com ระดมทุนจากฝูงชน (CrowdFunding)  เพื่อให้คนไทยเข้ามามีส่วนร่วมในแรง ความคิด และกำลังทุนในการสนับสนุนผ่านการบริจาคเงินให้แก่โครงการพัฒนาสังคมที่กระจายตัวทั่วประเทศได้อย่างสะดวก “เทใจดอทคอม”ได้นำเทคโนโลยีมาทำให้ทุกคนสามารถบริจาคเงินผ่านออนไลน์ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกและหน้าเว็บยังถูกออกแบบให้มีการแสดงยอดบริจาคทันทีเมื่อผู้บริจาคทำธุรกรรมเสร็จสิ้นจะทราบทันทีว่ายอดบริจาคได้ตามความต้องการหรือไม่นอกจากนี้ เทใจดอทคอม ต้องการแก้ปัญหาที่ว่าเงินบริจาคไปไหน ?? ดังนั้นในเว็บไซต์จึงมีฟังค์ชั่นที่ให้เจ้าของโครงการรายงานผลการดำเนินการเมื่อเสร็จสิ้น และรายงานผลไปยังผู้บริจาคโดยตรง ปัจจุบัน www.taejai.com เปิดใข้งานได้ 1 ปีกว่าระดมทุนในการช่วยเหลือโครงการต่าง ๆ ได้กว่า 2.9 ล้านบาท ดำเนินการโครงการได้สำเร็จจำนวน 46 โครงการ อาทิ  โครงการรองเท้าเพื่อแม่ที่ห่างไกล เพื่อให้ผู้สูงอายุชาวเลอูรักลาโว้ย จ.ภูเก็ต และผู้สูงอายุกระเหรี่ยแดง จ.แม่ฮ่องสอน ที่มีรายได้น้อยเข้าถึงรองเท้าสุขภาพ   ซึ่งทางโครงการได้ดำเนินการลุล่วงไปแล้ว และเจ้าของโครงการมีแนวคิดที่จะต่อยอดโครงการด้วยการทำรองเท้าเพื่อสุขภาพขาย และนำรายได้ส่วนหนึ่งไปผลิตรองเท้าเพื่อสุขภาพแด่ผู้สูงอายุยากไร้ อีกด้านหนึ่งคือต้องการทำให้ตลาดรองเท้าสุขภาพในประเทศไทยมีราคาถูกลงเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้มากขึ้นหรือ โครงการ 20 ทุนการศึกษา เพื่ออนาคตน้อง จากมูลนิธิยุวพัฒน์ที่สามารถระดมได้ให้เด็กเรียนต่อได้ถึง 32 คน นั้นตั้งใจแก้ปัญหาด้านการศึกษาของเด็กไทยอันเนื่องมาจากการขาดแคลนทุนทรัพย์ เพราะแม้รัฐจะมีการส่งเสริมให้เด็กไทยเรียนฟรี ทว่าในความเป็นจริงเด็กเหล่านี้ยังขาดแคลนค่าเดินทาง อาหาร เสื้อผ้า และอุปกรณ์ทางศึกษา ทำให้สุดท้ายเด็กถูกผลักไส้ออกนอนระบบ ซึ่งจะส่งผลต่อรากฐานการพัฒนาประเทศวันนี้เทใจได้รวบรวมโครงการที่มีความหลากหลายเพื่อผลักดันการให้ทุกคนลงไม้ลงมือร่วมกันแก้ปัญหา  หากเราเข้าไปดูจะเห็นโครงการที่น่าใจมากมากเช่น โครงการ Rice bucket จากชาวนาถึงน้องท้องอิ่ม ที่มุ่งหมายให้ชาวนาเปลี่ยนวิถีมาปลูกข้าวอินทรีย์ ขณะที่เด็กในมูลนิธิต่างๆ ก็ได้กินข้าวที่ปลอดภัยและมีสารอาหารสูงเหมาะกับการเจริญเติบโต, โครงการสอนฟิสิกส์ฟรี ที่แก้ปัญหาด้านการศึกษาที่เด็กรุ่นใหม่ต้องเข้าเรียนพิเศษ เสียเงินจำนวนมากในการแสวงหาความรู้ แต่กลุ่มที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ไม่สามารถเข้าถึงได้ , โครงการสร้างตู้ขยะพิษเพื่อชุมชม ซึ่งมุ่งแก้ปัญหาขยะพิษที่ก่อให้เกิดโลกในชุมชน “เทใจดอทคอม” ยังพร้อมเปิดรับทุกคนที่มีไอเดีย ทุกคนที่อยากสนับสนุนโครงการดีๆ สามารถมีส่วนร่วมไดตลอดเวลา  

เทใจดอทคอม รับเชิญร่วมรายการ "กรุณา talk to me" เพื่อบอกเล่าถึงพื้นที่กลางที่ใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมคนที่แนวคิดดีในการพัฒนาสังคมกับผู้ที่อยากเห็นสังคมเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น 

เปิดใจ ธิดา ผลิตผลการพิมพ์ กับการทำโครงการ Documentary Club คลับหนังสารคดีที่คนไทยต้องดู ดีวาส์ร่วมเจาะลึกแก่นของหนังแต่ละเรื่อง หนังสารคดีมีคุณค่า ทรงพลัง หนังแบบใดที่คนไทยไม่ควรพลาดชม

“ไอซ์บัคเก็ต” หรือ “การเอาน้ำแข็งราดหัว” โครงการรณรงค์ทางสังคม เพื่อระดมเงินบริจาคสมทบมูลนิธิ ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis)...โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงจุดเริ่มต้น...มาจากอดีตนักกีฬาเบสบอลระดับมหาวิทยาลัยคนหนึ่งของสหรัฐฯที่ป่วยเป็นโรคนี้ จุดประกายเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังประเทศอื่นทั่วโลกรวมถึงไทยกระแสร้อนแรงที่เหล่าคนดังทุกวงการทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่ว่านักธุรกิจ ดารา ซีอีโอ ต่างร่วมกิจกรรม “ไอซ์บัคเก็ต” กันอย่างคึกคัก จนปลุกกระแสให้คนไทยหันมาสนใจ ให้การสนับสนุนบริจาคเงินกับ “โครงการเพื่อสังคม” ผ่านช่องทางเว็บไซต์ “เทใจ” (www.taejai.com) ที่มีตราสัญลักษณ์เป็น “เจ้าเหมียวนำโชค”พบว่า ยอดการสนับสนุนโครงการเพื่อสังคมผ่านเว็บไซต์เทใจ ช่วงกระแสไอซ์บัคเก็ตพุ่งทันที 5 แสนบาท มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเกือบ 1,200 คน และมีผู้บริจาคเงิน ทั้งที่เป็นรายเก่าและรายใหม่เกือบ 500 ราย5 โครงการเพื่อสังคมที่ได้รับความนิยมตามกระแสไอซ์บัคเก็ต ได้แก่ ฟาร์มไข่ไก่ เพื่อการศึกษาน้อง, Documentary Club คลับหนังสารคดีที่คนไทยควรได้ดู, 20 ทุนการศึกษาเพื่อสร้างอนาคตใหม่ให้น้อง, สร้างอาชีพให้แม่หญิงใต้ที่สูญเสียสามีจากความไม่สงบ และเล่นเส้น ชุดวาดเขียนสำหรับน้องผู้พิการทางสายตาโดยเฉพาะ “โครงการฟาร์มไข่ไก่ เพื่อการศึกษาน้อง” เพิ่งได้รับเงินบริจาคก้อนใหญ่ทันทีจาก อรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ซีอีโอกลุ่มทิสโก้ 2 แสนบาท ทำให้ระดมทุนได้สูงถึง 258,150 บาทอักษราภัค องค์เอี่ยม หรือ เอม ผู้ประสานงานโครงการฟาร์มไข่ไก่ บอกว่า ได้มีโอกาสเข้าไปมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก พบว่า มีวิธีการช่วยเหลือตัวเองด้วยการทำเกษตร ประกอบกับส่งเสริมให้เด็กๆ ได้รับผิดชอบและดูแลตัวเองได้ เช่น มีสวนผัก แปลงสมุนไพร โรงเพาะเห็ด โรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ 1 หลัง ผลผลิตที่ได้จะนำใช้ประกอบอาหารเลี้ยงดูเด็กทั้งมูลนิธิ ส่วนที่เหลือจะนำไปขายและนำเงินที่ได้ประมาณปีละ 6 หมื่นบาท มาบริหารจัดการ“ช่วงต้นปีที่เราระดมทุนเป็นไปอย่างช้าๆ แต่พอเกิดกระแสไอซ์บัคเก็ต ก็ทำให้คนรู้จักเว็บไซต์เทใจมากขึ้น สามารถนำไปซื้อแม่พันธุ์ไก่ไข่อีก 200 ตัว อาหารไก่ ซึ่งจะทำให้มูลนิธิมีรายได้เพิ่มอีกปีละหกหมื่นบาท”อีกโครงการที่ประสบความสำเร็จและปิดการระดมทุนได้ ก็คือ โครงการสร้างอาชีพให้แม่หญิงใต้ที่สูญเสียสามีจากความไม่สงบ แม้ในช่วงแรกยอดการบริจาคจะนิ่งเป็นเวลาหลายเดือน แต่พอเกิดกระแสไอซ์บัคเก็ตได้ช่วยให้ยอดการสนับสนุนเพิ่มขึ้นและปิดโครงการที่ 98,770 บาท เกินจากเป้าที่ 65,000 บาทซีตีมาเรียม บินเย๊าะ ที่ปรึกษาโครงการ เล่าว่า จากปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ ทำให้เกิดเหตุทำร้าย ผู้นำครอบครัวเสียชีวิต หรือบาดเจ็บ ผู้หญิงเป็นม่าย เด็กกำพร้าพ่อ หลายครอบครัวมีรายได้ไม่แน่นอน ไม่พอเลี้ยงชีพ กลุ่มผู้หญิงชุมชนในปัตตานีจึงได้ชักชวนและรวมตัวก่อตั้ง “กลุ่มน้ำพริกเซากูน่า” เพื่อผลิตน้ำพริกต่างๆ รวมทั้งเมี่ยงคำสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน ทำให้สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนขณะนี้“การให้เงินช่วยเหลือ ให้แล้วหมดไป แต่การให้ความรู้ติดตัวแก่คนในชุมชน เมื่อเขาออกจากกลุ่มก็จะทำให้เขาสามารถไปสร้างอาชีพเพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองและลูกต่อไปได้”“20 ทุนการศึกษา เพื่อสร้างอนาคตใหม่ให้น้อง” อีกหนึ่งโครงการที่มูลนิธิยุวพัฒน์ ระดมทุนที่ 140,000 บาท แต่ปิดโครงการได้รับเงินสนับสนุน 155,464 บาท ปัจจุบันเปิดโครงการเพิ่มอีก 10 ทุนการศึกษา ตั้งเป้าระดมทุนที่ 70,000 บาท และตอนนี้ระดมทุนได้แล้ว 23,908 บาทโมนา ศิวรังสรรค์ ผู้อำนวยการมูลนิธิยุวพัฒน์ บอกว่า ในแต่ละปีมูลนิธิยุวพัฒน์จะสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาส จากเริ่มต้นเพียงปีละ 100 คน จนขณะนี้ขยายเป็นอย่างน้อยปีละ 1,000 คน โดยมูลนิธิจะคัดเลือกนักเรียนที่เหมาะสมจากทั่วประเทศเพื่อให้ทุนการศึกษาแบบต่อเนื่องและดูแลนักเรียนด้วยความเอาใจใส่“อยากให้ทุกคนมองการช่วยเหลือทางด้านการศึกษาต่อเนื่องระยะยาวจนเด็กจบ ม. 6 ไม่ใช่ให้ครั้งเดียวจบ เพื่อช่วยส่งเด็กไปถึงฝั่ง ไม่ออกจากระบบการศึกษาไปก่อน และอยากเห็นภาพความร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือสังคมเกิดขึ้นโดยไม่ต้องรอกระแส เพราะปัญหาการขาดโอกาสทางการศึกษาต้องการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง”กระแสการบริจาคออนไลน์สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และสามารถเข้าถึงคนส่วนมากได้ง่าย “คนไทย” กับ “การทำบุญ” อยู่คู่กันมาอย่างยาวนาน แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สังคมพยายามรณรงค์อย่างต่อเนื่องก็คือ “ปัญหาคอร์รัปชัน” นับตั้งแต่การโกงเรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการทุจริตระดับชาติ มูลค่านับแสนล้านผลสำรวจคนไทยมอนิเตอร์ปี 2555 พบว่า 5 อันดับแรกของสิ่งที่คนไทยต้องการปลูกฝังให้กับเด็กและเยาวชนมากที่สุด คือ การห่างไกลยาเสพติด การรักการเรียน การส่งเสริมเรื่องคุณธรรม...จริยธรรม...ความถูกต้อง การประหยัด และการปลูกฝังความซื่อสัตย์สุจริตการปลูกฝังค่านิยมกับหมู่นักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย ให้เป็นคนดีและคนเก่งที่มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่โกงกิน ภายใต้โครงการ “บัณฑิตไทยไม่โกง” มีมหาวิทยาลัย 27 แห่งเป็นสมาชิก ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิด “ทางออกคอร์รัปชัน กับเยาวชนคนรุ่นใหม่” สะท้อนประเด็นน่าสนใจผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทพ.บัณฑิต จิรจริยาเวช ประธานคณะทำงานโครงการบัณฑิตไทยไม่โกง บอกว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยสมาชิก ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ยึดมั่นในคุณธรรมให้เกิดกับนักศึกษาผ่านกิจกรรมหลากหลาย ทั้งหลักสูตรการเรียนในห้องเรียนและกิจกรรมนอกห้องเรียน เช่น การสอดแทรกเนื้อหาส่งเสริมคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต การต่อต้านคอร์รัปชันเข้าไปในหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาพื้นฐานทั่วไปของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และเพิ่มเนื้อหาการต่อต้านคอร์รัปชันเข้มข้นขึ้นในการเรียนสาขาวิชาเฉพาะ“มหาวิทยาลัยต้องพยายามสอนให้นักศึกษาเป็นคนดีและคนเก่งไปด้วยกันก็จะทำให้สังคมไทย เจริญรุ่งเรืองได้ ถึงเวลาแล้วที่เยาวชนต้องรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูก อะไรคือสิ่งที่ผิด หากผิดก็ต้องไม่สนับสนุน เพราะการต่อต้านคอร์รัปชันไม่ใช่เรื่องจริยธรรมอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องที่ต้องปลูกฝังให้ทุกคนมีทัศนคติความซื่อสัตย์สุจริตด้วย”รศ.ดร.เชาวลิต ลิ้มมณีวิจิตร รองประธานคณะทำงานโครงการ เสริมว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการต่อต้านคอร์รัปชันก็คือ การเป็นพลเมืองที่มีส่วนร่วมเพื่อส่วนรวม เราทุกคนต้องไม่นิ่งดูดาย เมื่อเห็นการทำผิดก็ต้องตักเตือน ช่วยกันดูแลสิทธิเสรีภาพของคนในสังคม รู้จักการเคารพสิทธิของผู้อื่น ซึ่งหากทำได้จะเป็นจุดเปลี่ยนปิยะฉัตร นิกรพงษ์สิน นายกองค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่า การเกิดองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันมากมายในขณะนี้ จะช่วยทำให้เกิดรากฐานของสังคมที่แข็งแกร่งในอนาคตส่วนแนวทางต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ในมุมมองของปิยะฉัตร เห็นว่า สิ่งสำคัญสุดคือ หนึ่ง...ต้องเริ่มที่การปรับทัศนคติเรื่องคอร์รัปชันของคนในสังคมให้ถูกต้องเสียก่อน และสอง...เมื่อมีความคิดที่ถูกต้องได้แล้ว ก็ต้องกล้าลงมือทำด้วย“สังคมไทยมักเป็นคนคิดดี แต่ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าพูด ดังนั้น เมื่อเห็นสิ่งที่ผิดต้องกล้าพูดออกมา โดยเริ่มต้นเลิกทุจริตจากสิ่งเล็กๆใกล้ตัวในชีวิตประจำวันก่อน ก็จะช่วยลดการคอร์รัปชันได้”เยาวชนคนรุ่นใหม่เห็นว่าการต่อต้านคอร์รัปชันต้องเริ่มต้นที่ตัวเรา เมื่อเรากล้าพูด กล้าทำในสิ่งที่ดีถูกต้อง การคอร์รัปชันในไทยก็จะหมดไป ประเทศไทยก็จะเจริญ แล้วผู้ใหญ่ล่ะ...เข้าใจตรงกันนะ. 

ด้วยการสมทบทุนค่ารักษาพยาบาล ค่ายานอกบัญชี ค่าเดินทางให้กับเด็กป่วยเหล่านี้มีแรงสู้ต่อไป ข้อมูลพื้นฐานโครงการพื้นที่ในการดำเนินการ : ทุกจังหวัดเงินทุนที่ต้องการ : 150,000 บาทที่มา/ความสำคัญของโครงการปัจจัยสี่ของมนุษย์ที่ประกอบด้วย อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่มห่ม และยารักษาโรค ที่ทุกคนต้องมี และหลายคนอาจจะมีปัํจจัยในการดำรงชีวิตที่มากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม บนโลกใบนีี้ยังมีอีกหลายกลุ่ม หลายคนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้หรือมีความยากลำบากในการเข้าถึงปัจจัยสี่  - Thailand Multiple Indicator Cluster Survey - MICS 2012 จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ถึงร้อยละ 16 ขาดสารอาหารเรื้อรัง บางคนเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิต-มูลนิธิอิสระชนคาดว่ามีคนไร้บ้าน หรือคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในสวนสาธารณะกว่า 3,000 คน ซึ่งหากรวมคนต่างด้าวอาจมีมากถึง 5,000 คน ปี 2555 เฉพาะในพื้นที่สนามหลวง คลองหลอด มีคนข้างถนนเสียชีวิตทั้งหมด 49 คน โดยที่มีเพียง 5 คนเท่านั้นที่สามารถแจ้งตายในฐานะพลเมืองไทยได้อย่างสมบูรณ์-ขณะที่ มูลนิธิยุวรักษ์ระบุว่า มีเด็กป่วยอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล ซึ่งหลายคนตั้งคำถามว่า พวกเขาไม่ได้ความคุ้มครองจากรัฐขั้นพื้นฐานหรือ?  ความเป็นจริงแล้ว แม้จะเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่สำหรับครอบครัวหาเช้ากินค่ำ หรือครอบครัวในพื้นที่ห่างไกล ยังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่ายานอกบัญชียา ค่าเดินทางเพื่อไปหาหมอ   ยุวรักษ์จึงก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2539  โดยมีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือด้านรักษาพยาบาลและสุขพลานามัยของเด็กยากไร้ที่ด้อยโอกาส  มูลนิธิรับเด็กเจ็บป่วยเข้ามาอยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ ทั้งหมด 84  คนโดยดูแลตั้งอายุตั้งแต่ 2 เดือน จนถึง 25 ปี เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเรื่องดังกล่าว    และวันนี้อยากมาเชิญชวนให้ทุกคนร่วมสมทบทุนทางการแพย์ให้น้องเหล่านี้ได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาพยาบาลด้วย ตัวอย่างเคสเด็กป่วยต่อเนื่องที่เราขอนำเรื่องราวมาให้อ่าน ผู้ป่วย สถานการณ์ปัจจุบันด.ญ.พรรณษา อายุ 11 ปี จ.สุพรรณบุรี  สมองซีกขวาพิการ ตาบอดทั้งสองข้าง และมีอาการลมชักวันละ 7-8 ครั้ง  แพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราชแนะนำให้ผ่าตัดสมอง ไม่มีค่ารถ และค่าผ่าตัดเนื่องจาก การเดินทางจากสุพรรณบุรีเพื่อมารับการรักษาบวกกับค่าผ่าตัดมีค่าใช้จ่ายสูง ต้องใช้เงินรักษา110,000 บาทด.ช.ไตรภพ อายุ 8 ปี จ.ชัยภูมิ ป่วยเป็นโรคไตบวม ต้องมีสายปัสสาวะติดตัวตลอดเวลา ไม่มีรถและค่ารักษา เพราะน้องอยู่กับตาและยายที่มีรายได้รวมกันเดือนละ 1,100 บาท แต่ค่ารถในการเดินทางมารักษาครั้งละ 2,000 บาท ได้รับสิทธิบัตรทอง แต่มีค่ายาบางตัวที่ต้องซื้อเอง ต้องใช้เงินรักษา 55,000 บาทด.ช.ต้นกล้า อายุ 4 ขวบ พิการด้านสมองและร่างกาย อาการบิดเกร็งตลอด ต้องการรักษาแบบต่อเนื่องตลอดชีวิต ไม่มีค่ายาเพิ่มเติม แม้ด.ช.ต้นกล้าได้รับสิทธิบัตรทอง แต่มีค่ายาที่นอกเหนือสิทธิและค่ารถในการเดินทางไปค่อนข้างไกล ต้องใช้รักษา 66,000 บาทมาร่วมกันบริจาคออนไลน์เพื่อใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลเด็กป่วยพิการเหล่านี้กันเถอะประโยชน์ของโครงการ1.ช่วยรักษาพยาบาลและสุขพลานามัยของเด็กยากไร้ที่ด้อยโอกาส2.เป็นกำลังให้ผู้ปกครองและเด็กป่วยด้วยสังคมแห่งความเอื้ออาทรกิจกรรมที่โครงการจะดำเนินการงบประมาณที่มูลนิธิยุวรักษ์ได้เสนอ จะแบ่งเป็นรายจ่ายดังนี้ค่าเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาล ตามที่หมอนัด   60 %ค่ายาและค่าแพทย์                                      40 % 

 Voice e-news: Documentary Club ระดมทุนฉายหนังสารคดีคุณภาพ ถึงแม้ว่าในไทย หนังสารคดีจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่โอกาสที่เราจะได้ชมหนังสารคดีคุณภาพอย่­างต่อเนื่องตลอดปี ไม่ได้มีมากตามไปด้วย คนรักหนังกลุ่มหนึ่งจึงรวมตัวกันตั้ง ‘Documentary Club’ เพื่อระดมทุนฉายหนังสารคดีในวงกว้าง

ออกอากาศ: รายการ Voice e-news 23 สิงหาคม 2557