project เด็กและเยาวชน

I’m ABLE “โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม”

ระดมทุนการศึกษา 1 ปีให้กับเด็กนักเรียนพิการจำนวน 150 คนๆ ละ 4,000 บาท ให้กับเด็กนักเรียนพิการที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาในจังหวัดต่างๆของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตกและภาคใต้ที่มีความพิการทางร่างกายหรือพัฒนาการช้าแต่สามารถสื่อสารและเรียนหนังสือได้ เพื่อส่งเสริมเด็กนักเรียนพิการเหล่านั้นได้เรียนร่วมในโรงเรียนปกติกับนักเรียนทั่วไป เสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา ส่งเสริมการเรียนรู้การเข้าสังคมและช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ต่างๆโดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครูและเพื่อนๆในโรงเรียน

ระยะเวลาโครงการ 01 ก.พ. 2566 ถึง 30 มิ.ย. 2566 พื้นที่ดำเนินโครงการ ระบุพื้นที่: ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตกและภาคใต้ของประเทศไทย

ยอดบริจาคขณะนี้

103,427 บาท

เป้าหมาย

825,000 บาท
ดำเนินการไปแล้ว 13%
จำนวนผู้บริจาค 168

สำเร็จแล้ว

ความคืบหน้าโครงการ

เด็กนักเรียนพิการได้รับทุนการศึกษา 18 คน

12 ตุลาคม 2023

ตามที่มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (EDF) ได้ทำโครงการระดมทุน I’m ABLE “โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม” ผ่านเว็บไซต์เทใจดอทคอม ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 จนถึง วันที่ 30 มิถุนายน 2566 โดยมีเป้าหมายการระดมทุนอยู่ที่ 825,000 บาท สำหรับเด็กนักเรียน 150 คนๆละ 4,000 บาทนั้น

หลังจากปิดโครงการแล้วสามารถระดมทุนได้เงินบริจาคทั้งสิ้น 103,427 บาท ซึ่งสามารถนำไปจัดสรรเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในจังหวัดต่างๆ ได้ทั้งหมด 18 ทุน

ทุนการศึกษาจะมอบให้กับเด็กนักเรียนพิการที่มีความพิการทางร่างกายหรือพัฒนาการช้าแต่สามารถสื่อสารและเรียนหนังสือได้ เพื่อส่งเสริมเด็กนักเรียนพิการเหล่านั้นได้เรียนร่วมในโรงเรียนปกติกับนักเรียนทั่วไป เสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา ส่งเสริมการเรียนรู้การเข้าสังคมและช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ต่างๆ โดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครูและเพื่อนๆ ในโรงเรียน

ก่อนการโอนเงินทุนการศึกษานั้น มูลนิธิ EDF ได้ร่วมมือกับโรงเรียนแต่ละโรงเรียนในการช่วยคัดเลือกเด็กนักเรียนที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • มีความพิการทางร่างกายหรือพัฒนาการช้า แต่สามารถสื่อสารและเรียนหนังสือได้
  • พ่อแม่ หรือผู้ปกครองมีฐานะยากจน แต่ประสงค์จะให้นักเรียนเข้าเรียนร่วมในโรงเรียนปกติ

โดยพิจารณาร่วมกับจดหมายแนะนำตัวพร้อมรูปถ่ายที่ถ่ายคู่กับที่อยู่อาศัย และบัตรประจำตัวคนพิการ หลังจากพิจารณาข้อมูลเหล่านี้แล้ว ทางฝ่ายทุนการศึกษาจะทำการเช็คข้อมูลบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนแต่ละคนก่อนจะทำการโอนทุนการศึกษา (บางกรณีอาจจะโอนไปที่บัญชีธนาคารของโรงเรียนก่อน)

หลังจากเงินทุนการศึกษาเข้าบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณครูที่ดูแลโครงการทุนการศึกษาจะทำการสแกนหน้าบัญชีธนาคารที่มีเงินเข้าและส่งมาในระบบของงานทุนการศึกษาของมูลนิธิเพื่อเป็นหลักฐานต่อไป 

นักเรียนทุนที่ได้รับทุนการศึกษาจากโครงการ I am ABLE “โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม” จำนวน 18 คน จากจังหวัดต่างๆ ดังนี้ 

จังหวัดนักเรียนที่ได้รับทุนจำนวนความพิการ
กาฬสินธุ์3 คน
  • การเคลื่อนไหวและสมอง
  • การมองเห็น (มองแล้วเลือนราง)
  • การได้ยิน การเคลื่อนไหวและการเรียนรู้
ขอนแก่น 1 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว
เชียงราย 1 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว
นครพนม1 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง)
นราธิวาส5 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (นิ้วมือและเท้าผิดปกติ)
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (แขนผิดปกติ)
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (ขาผิดปกติ)
  • การได้ยิน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (เท้าผิดปกติ)
มุกดาหาร1 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (เท้าไม่เท่ากัน เดินไม่สะดวก)
ยะลา1 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว
สงขลา2 คน
  • การได้ยิน
  • การมองเห็น (ใส่ตาเทียม 1 ข้าง)
ศรีษะเกษ1 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (นิ้วและกล้ามเนื้อเท้าผิดปกติ)
อุบลราชธานี2 คน
  • การสื่อความหมาย (ปากผิดปกติ พูดไม่ชัด)
  • การได้ยิน (หูผิดปกติได้ยินเสียงไม่ชัดเจน)
ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

 เด็กชายณฐกร นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จังหวัดขอนแก่น
" ผมขอขอบคุณผู้บริจาคใจบุญที่มอบทุนการศึกษานี้ให้แก่ผม ผมจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ผมชอบเรียนวิชาพลศึกษา หลังเลิกเรียนจะซ้อมเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ ทุกเย็น โตขึ้นผมอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนพี่เจ ชนาธิป ผมจะนำทุนการศึกษาจำนวน 4,000 บาทนี้ไปซื้อรองเท้านักเรียนและนำไปเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วยครับ "

 เด็กหญิงบัณธิดา แช่มชื่น นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จังหวัดกาฬสินธุ์
จดหมายขอบคุณฉบับนี้เขียนโดย นางเรียมเพชร ผู้ปกครอง
" น้องบัณธิดา กำลังเรียนอยู่ชั้นม.3 โรงเรียนเป็นโรงเรียนที่มีโครงการให้เด็กพิการเรียนร่วมกับเด็กปกติเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กกลุ่มเปราะบางนี้ น้องบัณธิดาอ่านเขียนและสะกดคำไม่ค่อยได้ พูดสื่อความหมายได้เข้าใจประมาณ 40% เขียนตามตัวอย่างได้ เรียนรู้เกี่ยวกับการแสดงออกได้ ดังนั้นจึงร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนๆได้ กิจกรรมที่น้องชอบคือวาดรูป ระบายสี และการเต้น สำหรับทุนการศึกษาที่ได้มาจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาการเรียนรู้ของน้องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค ซึ่งดิฉัน นางเรียมเพชร ผู้ปกครอง ขอขอบพระคุณผู้บริจาคอีกครั้งที่มอบโอกาสทางการศึกษาแก่น้องในครั้งนี้ "

 นายมูฮัมมัดฮัสซัน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จังหวัดนราธิวาส
" ครอบครัวของผมมีทั้งหมด 5 คน คุณพ่อและน้องชายคนกลางก็มีความพิการเกี่ยวกับขาเหมือนกับผม สถานะของครอบครัวยากจน เนื่องจากคุณพ่อมีโรคประจำตัวต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อย ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน ทำให้ไม่มีรายได้ ต้องอาศัยเงินจากเบี้ยเลี้ยงคนพิการและเงินสวัสดิการแห่งรัฐเท่านั้น ความฝันของผม ผมอยากเรียนจบในระดับปริญญาตรีเพื่อนำความรู้มาประกอบอาชีพเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือพ่อแม่ ครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผมจะพยายามและอดทนต่ออุปสรรคต่างๆ ในชีวิตของผม หวังว่าสักวันความฝันของผมจะเป็นจริง และผมจะตั้งใจเรียนและนำเงินทุนการศึกษาที่ได้รับมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดครับ " 

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ 
กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
เด็กและเยาวชนทุกภาคในประเทศไทย18 คนเด็กนักเรียนพิการเรียนร่วมที่เป็นเป้าหมายในการช่วยเหลือของโครงการนั้น นอกจากจะมีความพิการเป็นอุปสรรคแล้ว ฐานะทางครอบครัวของเด็กๆ ยังยากจน เด็กๆ ไม่สามารถไปทำงานพิเศษในวันหยุดเพื่อช่วยเหลือครอบครัวได้เหมือนอย่างเด็กปกติ
ทุนการศึกษานอกจากจะทำให้เด็กๆ มีเงินนำไปใช้ในด้านการเรียนและการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว การที่เด็กนักเรียนยังคงได้ไปโรงเรียนและใช้ชีวิตในโรงเรียนร่วมกับเด็กนักเรียนปกติคนอื่นๆ จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา เรียนรู้การเข้าสังคม การช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ต่างๆ โดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครูและเพื่อนๆ ในโรงเรียน ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของทัศนคติของคนทั่วไปที่มีต่อผู้พิการ ให้ยอมรับและเข้าใจว่าผู้พิการก็สามารถอยู่ร่วมกับทุกคนในสังคมได้


อ่านต่อ »
ดูความคืบหน้าโครงการทั้งหมด

ระดมทุนการศึกษา 1 ปีให้กับเด็กนักเรียนพิการจำนวน 150 คนๆ ละ 4,000 บาท ให้กับเด็กนักเรียนพิการที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาในจังหวัดต่างๆของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตกและภาคใต้ที่มีความพิการทางร่างกายหรือพัฒนาการช้าแต่สามารถสื่อสารและเรียนหนังสือได้ เพื่อส่งเสริมเด็กนักเรียนพิการเหล่านั้นได้เรียนร่วมในโรงเรียนปกติกับนักเรียนทั่วไป เสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา ส่งเสริมการเรียนรู้การเข้าสังคมและช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ต่างๆโดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครูและเพื่อนๆในโรงเรียน

ปัญหาสังคมและวิธีการแก้ไขปัญหา

 I’m ABLE “โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม”

“มอบทุนการศึกษาเพื่อส่งเสริมเด็กนักเรียนพิการเรียนร่วมในโรงเรียนปกติ”

ปัจจุบันประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกต่างให้การยอมรับการจัดการศึกษาแบบเรียนร่วม (Inclusive Education)  ปี ค.ศ. 1995 ที่ประชุมองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ที่ประเทศสเปนได้ประกาศให้ทุกประเทศจัดการศึกษาแบบเรียนร่วม เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งเด็กพิการและเด็กปกติได้สามารถปรับตัวเข้าหากัน ช่วยเหลือกัน เห็นอกเห็นใจกัน อีกทั้งเด็กพิการเหล่านี้ยังมีโอกาสได้เรียนใกล้บ้าน ไม่ต้องไปเรียนโรงเรียนเฉพาะหรือโรงเรียนประจำซึ่งเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และเด็กยังได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวอีกด้วย

รายงานของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 ประเทศไทยมีจำนวนคนพิการทั้งสิ้น 2.15 ล้านคน ทั้งผู้พิการแต่กำเนิดและผู้พิการจากสาเหตุอื่นๆเช่นป่วย หรืออุบัติเหตุเป็นต้น โดยเป็นเด็กพิการที่อยู่ในวัยเรียน (6-14 ปี) มากถึง 66,000 คน 

มูลนิธิ EDF สำรวจพบว่า มีเด็กพิการเป็นจำนวนมากที่มีความพิการด้านร่างกายเพียงบางส่วน แต่สามารถสื่อสาร มีความเข้าใจและสามารถเรียนหนังสือได้ แต่เด็กพิการส่วนใหญ่กลับไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนในโรงเรียน อันเนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน หาเช้ากินค่ำ ทำให้เด็กพิการมักถูกละเลย ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและผู้ปกครองยังขาดความรู้ด้านสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กพิการ เด็กๆเหล่านี้ถูกเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือหรือเข้าสังคมร่วมกับคนปกติ ทำให้ขาดโอกาสในการสร้างเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย จิตใจ รวมไปถึงทักษะความรู้พื้นฐานต่างๆที่จำเป็นต่อการใช้ดำรงชีพด้วยตนเองในอนาคต

มูลนิธิฯ จึงได้ริเริ่ม "โครงการทุนการศึกษาเพื่อส่งเสริมเด็กพิการเรียนร่วมในโรงเรียนปกติ" ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2546 เพื่อมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนพิการที่มีความสามารถในการเรียนหนังสือได้ เพื่อให้พวกเขาได้เข้าเรียนร่วมในโรงเรียนปกติกับนักเรียนทั่วไป และเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา เรียนรู้การเข้าสังคม การช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ต่างๆ รวมทั้งการอยู่ร่วมกับคนปกติ โดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครูและเพื่อนๆในโรงเรียน

โดยข้อมูลจากการสำรวจพบว่านักเรียนพิการที่ได้รับทุนการศึกษาหลายคน หลังจากเข้าเรียนร่วมได้ระยะเวลาหนึ่ง จะมีพัฒนาการทางร่างกายที่ดีขึ้น เปลี่ยนแปลงบุคลิกจากที่เคยเงียบขรึม เก็บตัว มาเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงและเป็นที่รักของเพื่อนๆและครูในโรงเรียน กว่า 20 ปีมูลนิธิEDF ได้ส่งมอบโอกาสทางการศึกษาจากผู้บริจาคไปยังเด็กนักเรียนพิการที่มีฐานะยากจนเพื่อส่งเสริมให้เรียนร่วมในโรงเรียนปกติไปแล้วมากกว่า 2,000 คน ทั่วประเทศไทย

ดังนั้น มูลนิธิ EDF จึงต้องการระดมเงินบริจาคเพื่อจัดสรรเป็นทุนการศึกษา 1 ปี ให้กับเด็กนักเรียนพิการจำนวน 150 คนๆ ละ 4,000 บาท ให้กับเด็กนักเรียนพิการที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาในจังหวัดต่างๆของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตกและภาคใต้ที่มีความพิการทางร่างกายหรือพัฒนาการช้าแต่สามารถสื่อสารและเรียนหนังสือได้ เพื่อส่งเสริมเด็กนักเรียนพิการเหล่านั้นได้เรียนร่วมในโรงเรียนปกติกับนักเรียนทั่วไป เสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา ส่งเสริมการเรียนรู้การเข้าสังคมและช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ต่างๆโดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครูและเพื่อนๆในโรงเรียน

ทุนการศึกษาที่ท่านมอบให้พวกเขาไม่เพียงช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาให้แก่ครอบครัวของเด็กนักเรียนพิการ แต่ยังช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในด้านอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆที่จำเป็นต่อการไปโรงเรียน ค่าอาหารกลางวัน ค่าเดินทางไปโรงเรียนและค่าเดินทางไปรักษาตัว เป็นต้น


ตัวอย่างเด็กนักเรียนที่ได้รับทุน

ด.ญ.พนิดา (เนย) อายุ 11 ปี จ.อุดรธานี


"ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 บ้านที่หนูอยู่อาศัยเป็นบ้านของญาติ เป็นบ้านชั้นเดียวหลังคามุงสังกะสี สภาพทรุดโทรม หนูอาศัยอยู่กับพ่อแม่ พ่อมีอาชีพรับจ้างทั่วไปส่วนแม่ไม่ได้ทำงานเพราะต้องคอยดูแลหนูซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หนูเริ่มป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.2 แม่ต้องลาออกจากงานเพื่อคอยรับส่งหนูไปโรงเรียน แม่จะอยู่ที่โรงเรียนกับหนูตลอด คอยพยุงพาหนูเข้าห้องน้ำ เดินขึ้นลงบันได ในตอนแรกหนูยังพอจะเดินด้วยตัวเองได้บ้างแต่พอหนูขึ้นชั้น ป.5 อาการของโรครุนแรงขึ้น หนูไม่สามารถลุกเดินเองได้ เคลื่อนไหวร่างกายลำบากมาก เวลานั่งก็จะนั่งไม่ได้นานเพราะไม่สามารถทรงตัวเองได้ เวลานอนตอนกลางคืนจะรู้สึกปวดมาก หนูสามารถเขียนหนังสือได้และกินอาหารเองได้แต่ต้องอาศัยแม่และพ่อจัดเตรียมสิ่งของมาวางไว้ให้ใกล้ๆ ค่ะ"

"ในอนาคตหนูอยากเรียนต่อมัธยมปลายและเข้ามหาวิทยาลัย เพราะหนูอยากเป็นหมอค่ะ อยากรักษาเด็กที่ป่วยเป็นโรคเดียวกับหนูให้หายป่วยสามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ ได้เจอเพื่อนๆและคุณครูที่โรงเรียนค่ะ หนูอยากได้ทุนการศึกษานี้มากค่ะเพราะที่บ้านยากจน รายได้ของพ่อเพียงคนเดียวบางครั้งก็ไม่พอเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการเรียนของหนู แม่ก็ไม่สามารถออกไปหางานทำได้เพราะต้องดูแลหนูตลอดเวลา เลยคิดว่าหากได้รับทุนการศึกษาหนูจะนำไปให้แม่เพื่อเก็บเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องการเรียนของหนู ซื้อหนังสือ อุปกรณ์การเรียน"

สุดท้ายนี้หนูขอขอบคุณท่านผู้ใหญ่ใจดีที่เมตตามอบเงินเป็นทุนการศึกษาให้กับหนูค่ะ ถึงหนูจะพิการไม่สามารถเดินได้แต่หนูอยากเรียนหนังสือให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ หนูคิดอยู่เสมอว่าจะไม่ท้อแท้และมีความหวังว่าสักวันหนึ่งหนูจะหายแล้วกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างเมื่อก่อนค่ะ

ตัวอย่างเด็กนักเรียนที่ได้รับทุน

เด็กชายศุภณัฐ (โก้) อายุ 13 ปี  จ.หนองบัวลำภู

"พ่อกับแม่ของผมเลิกกันตั้งแต่ผมอายุ 1 ขวบ แม่เอาผมมาฝากไว้ให้ตากับยายเลี้ยงแล้วเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพ ตอนผมเด็กๆ ตากับยายต้องเอาผมไปเลี้ยงที่ทุ่งนาและไร่มันสำปะหลังเพราะต้องทำงานและไม่สามารถปล่อยให้ผมอยู่บ้านเพียงลำพังได้ ต่อมาแม่แต่งงานใหม่มีน้องอีก 2 คน แม่ก็เอาน้องทั้ง 2 คนมาให้ตากับยายเลี้ยง ตากับยายจึงต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูผมกับน้องๆให้ได้เรียนหนังสือ ผมพิการตาซ้ายบอดมาตั้งแต่กำเนิด เวลาอยู่ในห้องเรียนผมจะนั่งโต๊ะแถวหน้าสุดเพราะจะได้มองเห็นสิ่งที่คุณครูเขียนบนกระดานดำด้วยตาข้างขวา เวลาเพ่งกระดานดำนานๆ ผมจะรู้สึกแสบตามาก ผมเป็นเด็กที่ความจำไม่ดีและยังมีปัญหาเรื่องการมองเห็นอีกทำให้ผมต้องตั้งใจเรียน ตั้งใจฟังเวลาที่คุณครูสอนในห้องเรียนมากกว่าเพื่อนๆคนอื่น ผมชอบเรียนวิชาศิลปะ วาดรูประบายสีมากครับ ในอนาคตหากเรียนจบชั้น ม.3 ผมอยากเรียนต่อทางด้านสายอาชีพเป็นช่างซ่อมเครื่องยนต์จะได้มีอาชีพติดตัวไว้เลี้ยงดูตัวเอง ตายายและน้องๆต่อไปครับ"

วันเสาร์-อาทิตย์และหลังเลิกเรียนผมจะไปช่วยตาขุดดินปลูกอ้อย เนื่องจากยายป่วยและมีโรคประจำตัวไม่สามารถทำงานหนักได้ ผมจึงต้องไปช่วยตาทำงานครับ ผมสมัครขอรับทุนการศึกษาเพราะต้องการนำเงินไปซื้ออุปกรณ์การเรียนและเก็บไว้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อสายอาชีวศึกษาในอนาคต หากไม่ได้รับทุนตากับยายอาจจะมีเงินไม่พอส่งให้ผมเรียนต่อครับเพราะในแต่ละเดือนตากับยายต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวทั้งหมด รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการเรียนของผมและน้องอีก 2 คน

ผมขอขอบพระคุณผู้มีเมตตาบริจาคทุนการศึกษาให้แก่ผม ถึงแม้ว่าผมจะเป็นเด็กพิการทางสายตาและเรียนไม่ค่อยเก่งแต่ผมสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนอย่างสุดความสามารถ เรียนจบมีอาชีพและรายได้ที่ทำให้ผมสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคตครับ


ขั้นตอนการดำเนินโครงการ

ขั้นตอนการดำเนินโครงการ

เมษายน – พฤษภาคม 2566 : มูลนิธิ EDF รับสมัครข้อมูลนักเรียนที่ต้องการขอรับทุนการศึกษาจากโรงเรียนและพิจารณาใบสมัครจากรูปถ่ายที่ถ่ายคู่กับบ้านพร้อมข้อมูลครอบครัว

มิถุนายน 2566 : มูลนิธิ EDF ปิดรับการบริจาคสำหรับปีการศึกษา 2566

กรกฎาคม – สิงหาคม 2566 : โอนเงินทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน โดยหลังจากนักเรียนได้รับเงินทุนการศึกษาเรียบร้อยแล้ว คุณครูผู้ดูแลโครงการทุนการศึกษา EDF ในแต่ละโรงเรียนจะต้องส่งสำเนาหน้าเงินเข้าบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียน กลับมาให้มูลนิธิฯเพื่อเป็นหลักฐานเงินเข้า

กันยายน – ตุลาคม 2566 : มูลนิธิ EDF ส่งรายงานของเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาให้กับผู้บริจาคได้รับทราบ

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

  1. นักเรียนพิการที่ได้รับทุนการศึกษามีโอกาสเรียนร่วมในโรงเรียนปกติและเพิ่มจำนวนนักเรียนพิการเข้าสู่ระบบการศึกษาให้มากขึ้น
  2. เด็กนักเรียนพิการที่ได้รับทุนมีพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญาและได้เรียนรู้ทักษะความรู้ที่จำเป็นต่อการหาเลี้ยงชีพในอนาคตและสามารถช่วยเหลือตัวเอง ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนทั่วไปในสังคมโดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระ
  3. บุคคลที่เกี่ยวข้องในครอบครัว โรงเรียนและชุมชนมีทัศนคติที่ดีต่อนักเรียนพิการ
  4. ผู้ปกครอง ครูและบุคคลที่เกี่ยวข้อง มีความรู้ ความเข้าใจในด้านสิทธิและการดูแลเด็กพิการอย่างถูกต้องและเหมาะสม

คุณสมบัติ และการคัดเลือกเด็กนักเรียนทุนพิการเรียนร่วมในโรงเรียนปกติ

  1. มีความพิการทางร่างกายหรือพัฒนาการช้า แต่สามารถสื่อสารและเรียนหนังสือได้
  2. พ่อแม่หรือผู้ปกครองมีฐานะยากจน แต่ประสงค์สนับสนุนให้เด็กนักเรียนเข้าเรียนร่วมในโรงเรียนปกติในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า





ผู้รับผิดชอบโครงการ

อนุชาติ คงมา

ฝ่ายรณรงค์ทุนการศึกษา มูลนิธิ EDF

เด็กนักเรียนพิการได้รับทุนการศึกษา 18 คน

12 ตุลาคม 2023

ตามที่มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (EDF) ได้ทำโครงการระดมทุน I’m ABLE “โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม” ผ่านเว็บไซต์เทใจดอทคอม ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 จนถึง วันที่ 30 มิถุนายน 2566 โดยมีเป้าหมายการระดมทุนอยู่ที่ 825,000 บาท สำหรับเด็กนักเรียน 150 คนๆละ 4,000 บาทนั้น

หลังจากปิดโครงการแล้วสามารถระดมทุนได้เงินบริจาคทั้งสิ้น 103,427 บาท ซึ่งสามารถนำไปจัดสรรเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในจังหวัดต่างๆ ได้ทั้งหมด 18 ทุน

ทุนการศึกษาจะมอบให้กับเด็กนักเรียนพิการที่มีความพิการทางร่างกายหรือพัฒนาการช้าแต่สามารถสื่อสารและเรียนหนังสือได้ เพื่อส่งเสริมเด็กนักเรียนพิการเหล่านั้นได้เรียนร่วมในโรงเรียนปกติกับนักเรียนทั่วไป เสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา ส่งเสริมการเรียนรู้การเข้าสังคมและช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ต่างๆ โดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครูและเพื่อนๆ ในโรงเรียน

ก่อนการโอนเงินทุนการศึกษานั้น มูลนิธิ EDF ได้ร่วมมือกับโรงเรียนแต่ละโรงเรียนในการช่วยคัดเลือกเด็กนักเรียนที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • มีความพิการทางร่างกายหรือพัฒนาการช้า แต่สามารถสื่อสารและเรียนหนังสือได้
  • พ่อแม่ หรือผู้ปกครองมีฐานะยากจน แต่ประสงค์จะให้นักเรียนเข้าเรียนร่วมในโรงเรียนปกติ

โดยพิจารณาร่วมกับจดหมายแนะนำตัวพร้อมรูปถ่ายที่ถ่ายคู่กับที่อยู่อาศัย และบัตรประจำตัวคนพิการ หลังจากพิจารณาข้อมูลเหล่านี้แล้ว ทางฝ่ายทุนการศึกษาจะทำการเช็คข้อมูลบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนแต่ละคนก่อนจะทำการโอนทุนการศึกษา (บางกรณีอาจจะโอนไปที่บัญชีธนาคารของโรงเรียนก่อน)

หลังจากเงินทุนการศึกษาเข้าบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณครูที่ดูแลโครงการทุนการศึกษาจะทำการสแกนหน้าบัญชีธนาคารที่มีเงินเข้าและส่งมาในระบบของงานทุนการศึกษาของมูลนิธิเพื่อเป็นหลักฐานต่อไป 

นักเรียนทุนที่ได้รับทุนการศึกษาจากโครงการ I am ABLE “โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม” จำนวน 18 คน จากจังหวัดต่างๆ ดังนี้ 

จังหวัดนักเรียนที่ได้รับทุนจำนวนความพิการ
กาฬสินธุ์3 คน
  • การเคลื่อนไหวและสมอง
  • การมองเห็น (มองแล้วเลือนราง)
  • การได้ยิน การเคลื่อนไหวและการเรียนรู้
ขอนแก่น 1 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว
เชียงราย 1 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว
นครพนม1 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง)
นราธิวาส5 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (นิ้วมือและเท้าผิดปกติ)
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (แขนผิดปกติ)
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (ขาผิดปกติ)
  • การได้ยิน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (เท้าผิดปกติ)
มุกดาหาร1 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (เท้าไม่เท่ากัน เดินไม่สะดวก)
ยะลา1 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว
สงขลา2 คน
  • การได้ยิน
  • การมองเห็น (ใส่ตาเทียม 1 ข้าง)
ศรีษะเกษ1 คน
  • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (นิ้วและกล้ามเนื้อเท้าผิดปกติ)
อุบลราชธานี2 คน
  • การสื่อความหมาย (ปากผิดปกติ พูดไม่ชัด)
  • การได้ยิน (หูผิดปกติได้ยินเสียงไม่ชัดเจน)
ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

 เด็กชายณฐกร นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จังหวัดขอนแก่น
" ผมขอขอบคุณผู้บริจาคใจบุญที่มอบทุนการศึกษานี้ให้แก่ผม ผมจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ผมชอบเรียนวิชาพลศึกษา หลังเลิกเรียนจะซ้อมเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ ทุกเย็น โตขึ้นผมอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนพี่เจ ชนาธิป ผมจะนำทุนการศึกษาจำนวน 4,000 บาทนี้ไปซื้อรองเท้านักเรียนและนำไปเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วยครับ "

 เด็กหญิงบัณธิดา แช่มชื่น นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จังหวัดกาฬสินธุ์
จดหมายขอบคุณฉบับนี้เขียนโดย นางเรียมเพชร ผู้ปกครอง
" น้องบัณธิดา กำลังเรียนอยู่ชั้นม.3 โรงเรียนเป็นโรงเรียนที่มีโครงการให้เด็กพิการเรียนร่วมกับเด็กปกติเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กกลุ่มเปราะบางนี้ น้องบัณธิดาอ่านเขียนและสะกดคำไม่ค่อยได้ พูดสื่อความหมายได้เข้าใจประมาณ 40% เขียนตามตัวอย่างได้ เรียนรู้เกี่ยวกับการแสดงออกได้ ดังนั้นจึงร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนๆได้ กิจกรรมที่น้องชอบคือวาดรูป ระบายสี และการเต้น สำหรับทุนการศึกษาที่ได้มาจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาการเรียนรู้ของน้องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค ซึ่งดิฉัน นางเรียมเพชร ผู้ปกครอง ขอขอบพระคุณผู้บริจาคอีกครั้งที่มอบโอกาสทางการศึกษาแก่น้องในครั้งนี้ "

 นายมูฮัมมัดฮัสซัน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จังหวัดนราธิวาส
" ครอบครัวของผมมีทั้งหมด 5 คน คุณพ่อและน้องชายคนกลางก็มีความพิการเกี่ยวกับขาเหมือนกับผม สถานะของครอบครัวยากจน เนื่องจากคุณพ่อมีโรคประจำตัวต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อย ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน ทำให้ไม่มีรายได้ ต้องอาศัยเงินจากเบี้ยเลี้ยงคนพิการและเงินสวัสดิการแห่งรัฐเท่านั้น ความฝันของผม ผมอยากเรียนจบในระดับปริญญาตรีเพื่อนำความรู้มาประกอบอาชีพเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือพ่อแม่ ครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผมจะพยายามและอดทนต่ออุปสรรคต่างๆ ในชีวิตของผม หวังว่าสักวันความฝันของผมจะเป็นจริง และผมจะตั้งใจเรียนและนำเงินทุนการศึกษาที่ได้รับมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดครับ " 

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ 
กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
เด็กและเยาวชนทุกภาคในประเทศไทย18 คนเด็กนักเรียนพิการเรียนร่วมที่เป็นเป้าหมายในการช่วยเหลือของโครงการนั้น นอกจากจะมีความพิการเป็นอุปสรรคแล้ว ฐานะทางครอบครัวของเด็กๆ ยังยากจน เด็กๆ ไม่สามารถไปทำงานพิเศษในวันหยุดเพื่อช่วยเหลือครอบครัวได้เหมือนอย่างเด็กปกติ
ทุนการศึกษานอกจากจะทำให้เด็กๆ มีเงินนำไปใช้ในด้านการเรียนและการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว การที่เด็กนักเรียนยังคงได้ไปโรงเรียนและใช้ชีวิตในโรงเรียนร่วมกับเด็กนักเรียนปกติคนอื่นๆ จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา เรียนรู้การเข้าสังคม การช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ต่างๆ โดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครูและเพื่อนๆ ในโรงเรียน ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของทัศนคติของคนทั่วไปที่มีต่อผู้พิการ ให้ยอมรับและเข้าใจว่าผู้พิการก็สามารถอยู่ร่วมกับทุกคนในสังคมได้


แผนการใช้เงิน

ลำดับ รายการ จำนวน จำนวนเงิน (บาท)
1 ทุนการศึกษาที่โอนให้กับเด็กนักเรียนคนละ 4,000 บาท 150 คน 600,000.00
2

ค่าบริหารจัดการดูแลนักเรียนเฉลี่ยคนละ 1,000 บาทตลอดระยะเวลา 1 ปี ซึ่งแบ่งออกเป็น

- ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการสุ่มลงพื้นที่เพื่อสำรวจเก็บข้อมูล คัดเลือก ตรวจสอบคุณสมบัติเด็กนักเรียนที่ขอรับทุน เยี่ยมบ้านเด็กนักเรียนและติดตามเด็กนักเรียนที่ได้รับทุน เช่น ค่าเดินทาง ที่พัก อาหารสำหรับเจ้าหน้าที่ลงภาคสนามและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

- ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ประจำและเจ้าหน้าที่พาร์ทไทม์ที่ดูแลโครงการเช่นค่าจ้างและสวัสดิการต่างๆ เช่นการประกันสุขภาพและอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่

- ค่าใช้จ่ายด้านงานธุรการ การเงิน การบัญชี งานเอกสารและการพิมพ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการติดต่อประสานงานกับโรงเรียนและเด็กนักเรียนทุนและการทำรายงานโครงการ

- ค่าใช้จ่ายสำนักงานและค่าสาธารณูปโภคต่างๆเช่น ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมทางการเงิน ค่าไปรษณีย์ ค่าโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต

150 คน 150,000.00
รวมเป็นเงินทั้งหมด
750,000.00
ค่าธรรมเนียมของเทใจ (10%)
75,000.00

ยอดระดมทุน
825,000.00