project เทคโนโลยี ผู้พิการและผู้ป่วย

เครื่องมือวิจัยทางการแพทย์ เพื่อการพัฒนายาภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง

จัดซื้อเครื่องแยกสารชีวโมเลกุลให้บริสุทธิ์ เครื่องมือสนับสนุนการวิจัยการพัฒนาวิธีการรักษามะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัด (immunotherapy) เพื่อช่วยให้การวิจัยและพัฒนายาเป็นไปได้ด้วยความราบรื่นยิ่งขึ้น และส่งผลในการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลข้างเคียงในการรักษาที่น้อยลง

ระยะเวลาโครงการ 5 เดือน (มี.ค. 64 - ก.ค. 64) พื้นที่ดำเนินโครงการ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาเชิงระบบ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ยอดบริจาคขณะนี้

554,100 บาท

เป้าหมาย

550,000 บาท
ดำเนินการไปแล้ว 101%
จำนวนผู้บริจาค 579

สำเร็จแล้ว

ความคืบหน้าโครงการ

กลุ่มนักวิจัยคณะแพทยศาสตร์จุฬา ได้รับเครื่องแยกสารชีวโมเลกุลบริสุทธิ์ ช่วยพัฒนาการวิจัยด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง

24 กันยายน 2021

เมื่อระดมทุนได้ตามเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว จึงได้ดำเนินการจัดซื้อเครื่องแยกสารชีวโมเลกุลให้บริสุทธิ์ (Fast Protein Liquid Chromatography; FPLC ยี่ห้อ AKTA Start) เครื่องมือดังกล่าวได้ตั้งอยู่ที่อาคารแพทยพัฒน์ ชั้น 8 ห้อง 815 ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาเชิงระบบ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การมีเครื่องมือดังกล่าวทำให้การทำวิจัยทางด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งมีความราบรื่นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เป็นประโยชน์ต่อนักวิจัย และนิสิต นักศึกษา ที่ทำการศึกษาในด้านนี้เป็นอย่างมาก และเมื่องานวิจัยยาภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งสำเร็จ จะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษารูปแบบนี้ได้เป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น ต่างจากในปัจจุบันที่การรักษาแบบนี้ยังมีราคาแพงมาก ทำให้มีประชาชนเข้าถึงได้น้อยมาก

อีกทั้งเครื่องมือนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ในระดับมหาวิทยาลัยอีกด้วย เป็นผลให้แพทย์ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ รวมทั้งนักศึกษามีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมกับต่างประเทศในการทำวิจัยด้านนี้ต่อไปในอนาคต

ความประทับใจจากทีมนักวิจัย

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ 


อ่านต่อ »
ดูความคืบหน้าโครงการทั้งหมด
โรคมะเร็ง เป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย และยังเป็นสาเหตุในการเสียชีวิตเป็นอันดับหนึ่ง

ปัจจุบันนี้พบว่ามีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 130,000 รายต่อปี และเสียชีวิตมากกว่า 70,000 รายต่อปี หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 8 ราย และในอนาคตยังมีแนวโน้มที่จะมีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นทุกปีอีกด้วย นอกจากนี้การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้นยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน การทำงาน และยังทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำลงอีกด้วย ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศในด้านต่างๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล การขาดงานของผู้ป่วยและผู้ดูแล ค่าเดินทางในการมารับการรักษาพยาบาล รวมเป็นมูลค่าเกือบ 80,000 ล้านบาทต่อปี

ปัจจุบันวิธีการมาตรฐานที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และการฉายแสง ซึ่งเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการรักษาจำกัด และมีผลข้างเคียงต่อร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย นอกจากนี้เมื่ออาการของโรคดำเนินเข้าสู่ระยะท้ายหรือระยะแพร่กระจาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานข้างต้น ทำให้ผู้ป่วยหมดทางเลือกในการรักษาและเสียชีวิตในที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการพัฒนาวิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัดขึ้น ซึ่งเป็นวิธีการรักษาแนวทางใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง อันเป็นที่ยอมรับและเป็นความหวังใหม่ในการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้จะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยในการกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างจำเพาะ ได้ผลดีแม้กระทั่งกับโรคมะเร็งที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดหรือการฉายแสง โดยแทบไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ปกติของร่างกายเหมือนวิธีการรักษาแบบเดิม ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพดีขึ้นและมีผลข้างเคียงน้อยลง


อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วยนวัตกรรมดังกล่าวนั้นมีราคาสูงเกินกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าถึงได้ โดยยาแอนติบอดีรักษามะเร็งมีราคาสูงถึงเข็มละ 200,000 บาท และต้องฉีดต่อเนื่องทุก 2-3 สัปดาห์ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี ทำให้มีค่ารักษารวมกว่า 8-10 ล้านบาท ในขณะที่การรักษาด้วยเซลล์บำบัดนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 15 ล้านบาทต่อผู้ป่วยหนึ่งคน ส่วนในการรักษาด้วยวัคซีนเฉพาะบุคคล มีต้นทุนการรักษาที่สูงเมื่อเทียบกับการรักษามาตรฐาน และยังไม่มีการให้บริการอย่างเป็นทางการทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทย เมื่อมองในภาพรวม ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงมากนี้เองจึงเป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดของผู้ป่วยในประเทศไทย


ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาเชิงระบบ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้ จึงได้มีความตั้งใจที่จะพัฒนาวิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัดขึ้นภายในประเทศไทย จึงเป็นที่มาของโครงการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรักษามะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัด

ทั้งนี้การพัฒนาวิธีการรักษามะเร็งรูปแบบนี้ยังขาดความพร้อมของเครื่องมือ ทำให้การวิจัยในด้านนี้ยังมีข้อจำกัดและขาดความต่อเนื่องอยู่มาก ดังนั้นโครงการนี้จึงได้จัดระดมทุนขึ้นเพื่อซื้อเครื่องมือวิจัยทางการแพทย์ที่จำเป็นในการใช้พัฒนาวิธีการรักษามะเร็งแบบภูมิคุ้มกันบำบัด ได้แก่ เครื่องแยกสารชีวโมเลกุลให้บริสุทธิ์ จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งเครื่องมือนี้จะช่วยให้การวิจัยและพัฒนาเป็นไปได้ด้วยความราบรื่นยิ่งขึ้น

ขั้นตอนในการทำโครงการ

  • มีนาคม – มิถุนายน 2564 ระดมทุนเพื่อจัดซื้อเครื่องมือวิจัยทางการแพทย์
  • กรกฎาคม 2564 จัดซื้อเครื่องมือวิจัยทางการแพทย์ ได้แก่ เครื่องแยกสารชีวโมเลกุลให้บริสุทธิ์ (Fast Protein Liquid Chromatography; FPLC) ยี่ห้อ AKTA รุ่น Start จำนวน 1 เครื่อง


กลุ่มนักวิจัยคณะแพทยศาสตร์จุฬา ได้รับเครื่องแยกสารชีวโมเลกุลบริสุทธิ์ ช่วยพัฒนาการวิจัยด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง

24 กันยายน 2021

เมื่อระดมทุนได้ตามเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว จึงได้ดำเนินการจัดซื้อเครื่องแยกสารชีวโมเลกุลให้บริสุทธิ์ (Fast Protein Liquid Chromatography; FPLC ยี่ห้อ AKTA Start) เครื่องมือดังกล่าวได้ตั้งอยู่ที่อาคารแพทยพัฒน์ ชั้น 8 ห้อง 815 ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาเชิงระบบ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การมีเครื่องมือดังกล่าวทำให้การทำวิจัยทางด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งมีความราบรื่นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เป็นประโยชน์ต่อนักวิจัย และนิสิต นักศึกษา ที่ทำการศึกษาในด้านนี้เป็นอย่างมาก และเมื่องานวิจัยยาภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งสำเร็จ จะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษารูปแบบนี้ได้เป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น ต่างจากในปัจจุบันที่การรักษาแบบนี้ยังมีราคาแพงมาก ทำให้มีประชาชนเข้าถึงได้น้อยมาก

อีกทั้งเครื่องมือนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ในระดับมหาวิทยาลัยอีกด้วย เป็นผลให้แพทย์ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ รวมทั้งนักศึกษามีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมกับต่างประเทศในการทำวิจัยด้านนี้ต่อไปในอนาคต

ความประทับใจจากทีมนักวิจัย

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ 


แผนการใช้เงิน

รายการจำนวนจำนวนเงิน (บาท)
1. เครื่อง Fast Protein Liquid Chromatography; FPLC ยี่ห้อ AKTA Start1 เครื่อง500,000
2. ค่าดำเนินงานเทใจดอทคอม 10%
(ค่าระบบออนไลน์ ต้นทุนค่าธรรมเนียมธนาคารและ payment gateway ค่าคัดกรองโครงการ ตรวจสอบ ติดตาม วัดผล และรายงานความคืบหน้า)

50,000
รวม
550,000