ความเคลื่อนไหว
-
-
ความคืบหน้าโครงการ > เร่งรักษามะเร็งมดลูก น้องฟ้า อายุ 10 ปี
"น้องฟ้า" ฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรง และติดตามอาการสม่ำเสมอ
15 พฤศจิกายน 2023อ่านต่อจากอาการปวดท้องบ่อยๆ จึงไปพบแพทย์ตรวจพบก้อนเนื้อในท้อง “น้องฟ้า” ผลวินิจฉัยจากแพทย์ น้องฟ้าเป็น “มะเร็งในมดลูก” จึงต้องผ่าตัดและรักษาอย่างเร่งด่วนที่โรงพยาบาลอุดรธานี
น้องฟ้ารอดพ้นจากโรคร้ายราวปาฏิหาริย์เหมือนได้กลับมามีชีวิตใหม่ หลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมานปวดแสบร้อนจากการทำเคมีบำบัดเพื่อยับยั้งเชื้อไม่ให้ลุกลาม ปัจจุบันน้องฟ้ามีอาการดีขึ้น และเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมาผลการตรวจเป็นไปในทางที่ดี ผลการตรวจล่าสุดยังไม่พบเชื้อมะเร็งถึงแม้จะไม่ได้กินยาแล้ว ตอนนี้น้องฟ้ากินอาหารได้มากขึ้น น้ำหนักตัวโดยรวมเพิ่มขึ้นและใบหน้าก็กลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง และในปีการศึกษาภาคเรียนที่จะถึงนี้น้องฟ้ากำลังได้กลับไปเรียนกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน
ในปีที่ผ่านมา 2566 ในการดำเนินโครงการ “กองบุญกู้วิกฤติฯ” มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ ได้จัดสรรเงินบริจาคจากผู้ใจบุญ ซื้ออาหารเสริมสุขภาพสำหรับเด็กป่วย เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรง และสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่ครอบครัวน้องฟ้าในการพาน้องไปรักษาที่โรงพยาบาลตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ มูลนิธิฯ ขอกราบขอบพระคุณผู้บริจาคทุกท่านที่ได้ให้ความช่วยเหลือชีวิตเด็กด้อยโอกาสให้มีโอกาสได้กลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติ มีชีวิตที่สดใสและมีความสุขมากขึ้นในทุกๆ วัน
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ อธิบาย จำนวนที่ได้ประโยชน์ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เด็กและเยาวชน น้องฟ้าและครอบครัว 1 ครอบครัว เด็กได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและสภาพความเป็นอยู่ดีขึ้น รูปภาพการดำเนินกิจกรรม
-
ความคืบหน้าโครงการ > ซื้อผ้าอ้อมให้ผู้ป่วยติดเตียง โดยมูลนิธิสันติสุข
มอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้กับผู้ป่วยติดเตียง จำนวน 40 ครอบครัว
15 พฤศจิกายน 2023อ่านต่อเจ้าหน้าที่มูลนิธิสันติสุขได้ลงพื้นที่ ตามบ้านชุมชนต่างๆ ซึ่งเป็นครอบครัวที่มีฐานะยากจน หาเช้ากินค่ำมีรายได้น้อยและไม่แน่นอน อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลส่งมอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ให้กับครอบครัวผู้ป่วยติดเตียงครอบครัวละ 120 ชิ้น
- เขตพื้นที่ประเวศ จำนวน 4 ครอบครัว
- เขตพื้นที่ฉลองกรุง จำนวน 17 ครอบครัว
- เขตพื้นที่สงคราม จำนวน 5 ครอบครัว
- เขตพื้นที่คลองเตย จำนวน 2 ครอบครัว
- เขตพื้นที่วัชรพล จำนวน 2 ครอบครัว
- เขตพื้นที่บางจาก จำนวน 2 ครอบครัว
- เขตพื้นที่ต่างจังหวัด จำนวน 8 ครอบครัว
รวมทั้งหมด 40 ครอบครัว
ก่อนดำเนินกิจกรรม
เป็นครอบครัวมีฐานะยากจนและผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ในการเข้าห้องน้ำ ถ่ายอุจจาระ และปัสสาวะ ไม่เป็นที่เรี่ยราดกระจายอย่างเลอะเทอะ แผ่นรองซับ (ผ้าอ้อม) มีราคาสูง เกินที่ครอบครัวมีจะแบกภาระไว้ ครอบครัวผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียงในชุมชนแออัด ส่วนใหญ่มีรายได้น้อย บางครอบครัว หาเช้ากินค่ำ จึงไม่สามารถแบกรับภาระในด้านสุขอนามัยของผู้ป่วย ผู้พิการ และผู้สูงอายุได้หลังดำเนินกิจกรรม
ทำให้ครอบครัวผู้ยากไร้ได้รับการแบ่งเบาภาระ ในเรื่องค่าใช้จ่าย และการดูแลผู้ป่วยอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวิฤตโควิด ที่ครอบครองอยู่ในช่วงที่ตกงาน ไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว พอได้การช่วยเหลือในเรื่องผ้าอ้อม ผู้ป่วยติดเตียงกับครอบครัวมีความสุขและความหวังมากขึ้นและป้องกันการติดเชื้อความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ อธิบาย จำนวนที่ได้ประโยชน์ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ผู้พิการและผู้ป่วย - เขตพื้นที่ประเวศ
- เขตพื้นที่ฉลองกรุง
- เขตพื้นที่สงคราม
- เขตพื้นที่คลองเตย
- เขตพื้นที่วัชรพล
- เขตพื้นที่บางจาก
- เขตพื้นที่ต่างจังหวัด
40 ครอบครัว - ช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวในเรื่องค่าใช่จ่าย
- ช่วยทำให้ครอบครัวผู้ยากไร้ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
- ช่วยให้คุณลักษณะชีวิตผู้ป่วยติเตียงที่มีฐานะยากจนมีความกำลังใจและความหวัง
รูปภาพการดำเนินกิจกรรม
วิดีโอการดำเนินกิจกรรม
-
ความคืบหน้าโครงการ > สร้างอาคารศูนย์การเรียน ตชด.บ้านโกแประ
สร้างอาคารเรียนที่ศูนย์การเรียน ตชด.บ้านโกแประ
13 พฤศจิกายน 2023อ่านต่อบ้านโกแประตั้งอยู่ที่ หมู่ 9 ตําบลแม่คง อําเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระยะทางจากหมู่บ้านถึงศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอนประมาณ 228 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 11 ชั่วโมง
ทางมูลนิธิไอแคร์ จึงได้ดำเนินการสร้างอาคาเรียนให้กับนักเรียนบ้านไกล ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านโกแประ ซึ่งสามารถรับนักเรียนได้ถึง 120 คน เพื่อมีโอกาสทางการศึกษาที่มากขึ้น ซึ่งการก่อสร้างนั้นแล้วเสร็จและได้ทำการเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566
ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์
" ขอขอบคุณทางมูลนิธิไอแคร์เป็นอย่างยิ่ง ที่มีความพยายามอย่างสูงในการที่มาร่วมกันสนับสนุนอาคารเรียนในพื้นที่ ซึ่งมีความทุรกันดารจริงๆ ในการที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงให้กับชุมชน ที่เป็นความหวังดีของมูลนิธิไอแคร์ ประเทศไทย เป็นสิ่งที่ตื้นตันใจและอยากจะขอบคุณครับ " ด.ต.ชายแดน ภู่นายพล ครูใหญ่ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านโกแประ
" ขอขอบพระคุณมูลนิธิไอแคร์ ประเทศไทยเป็นอย่างสูง ที่ได้สนับสนุนมาสร้างอาคารเรียนใหม่ ที่ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านโกแประ ให้การสนับสนุนการเรียนการสอนแห่งนี้ ทำให้เด็กนักเรียนของเรามีสถานที่ในการเรียนที่สะดวกสบาย ขอขอบพระคุณค่ะ " ส.ต.ท.หญิงสุธีรา แก้วตาสาละวิน
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ อธิบาย จำนวนที่ได้ประโยชน์ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เด็กและเยาวชน นักเรียนที่ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านโกแประ 120 คน เด็กนักเรียนได้มีห้องเรียนที่เหมาะสมในการเรียน และเด็กนักเรียนที่บ้านไกลสามารถพักอาศัย เพื่อสะดวก ปลอดภัยในการเดินทางมาโรงเรียน รูปภาพการดำเนินกิจกรรม
-
ความคืบหน้าโครงการ > BLOSSOM กองทุนเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัว
ให้การช่วยเหลือผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัว จำนวน 13 กรณี
13 พฤศจิกายน 2023อ่านต่อโครงการ BLOSSOM กองทุนเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัว เป็นโครงการที่ตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัว ให้พ้นจากเหตุรุนแรง ผ่านการสนับสนุนค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน และค่าใช้จ่ายจำเป็นสำหรับการหาทีมช่วยเหลือมืออาชีพ ตั้งแต่ทนายความ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และผู้จัดการรายกรณี การช่วยเหลือผ่านกองทุนเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถทำให้ SHero สามารถสนับสนุนทีมอาสา และสนับสนุนให้ผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัวมีทางเลือกในการแก้ปัญหาในแบบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตนเอง โดยไม่ถูกจำกัดด้วยภาระค่าใช้จ่าย
โครงการดำเนินมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2565 จนถึงเดือนตุลาคม 2566 กองทุนจากโครงการได้ถูกนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัวไปจำนวนทั้งหมด 13 กรณี และยังช่วยมีส่วนการขับเคลื่อนการพัฒนาบุคลากรอาสาสมัครในการให้คำปรึกษาออนไลน์แก่ผู้เสียหายโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกกว่า 200 กรณี
การที่โครงการสนับสนุนทีมอาสา นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัวแล้ว ผู้เป็นอาสาสมัคร ทั้งทนายอาสา และผู้จัดการกรณีอาสา ได้เรียนรู้และเป็นส่วนหนึ่งผู้ร่วมแก้ไขและช่วยเหลือผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัว อาสาสมัครได้เรียนรู้ผ่านการช่วยเหลือ ทางคดีความ ซึ่งเป็นคดีความที่มีความละเอียดอ่อน ทำให้อาสาสมัครได้พัฒนาศักยภาพของตนเองในการปฏิบัติงาน ตั้งแต่ขั้นคัดกรอง ประเมินงาน ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือด้านคดีความเพื่อขอความคุ้มครองที่ชั้นศาล วางแผนการปลอดภัย และการติดต่อกับองค์กรอื่นๆ เพื่อส่งต่อ
อาสาสามัครหลายท่านได้ชี้แจ้งว่าประสบการณ์อาสากับโครงการ ทำให้อาสาสมัครได้เรียนรู้และสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้แก่ผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัวได้อย่างแท้จริง และโครงการสามารถสนับสนุนการทำงานของทีมอาสาของ SHero ได้ทั้งในแง่มุม การทำงานต่อผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัว และการทำงานที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่องค์กรอื่นอีกด้วย
สิ่งที่ทางองค์กรจะทำต่อไป คือการนำเงินจากกองทุนในโครงการไปใช้สนับสนุนทีมช่วยเหลือมืออาชีพ โดยเฉพาะทนายความ นักสงคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และผู้จัดการรายกรณี แก่ผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัวเป็นการต่อไป แต่อย่างไรก็ดี ทางองค์กรจะหาทางจัดการค่าใช้จ่ายต่อรายกรณีให้ได้คุ้มค่าและเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน เบี้ยเลี้ยงกรณีลงพื้นที่ เป็นต้น นอกจากนี้ทางองค์กรจะจัดทำข้อมูลถอดบทเรียน จากการช่วยเหลือรายกรณีนี้ เพื่อนำไปใช้ต่อในการเสนอแนะต่อภาครัฐในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวนี้อย่างรอบด้านมากขึ้น
ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์
“ ตั้งแต่ติดต่อ SHero และ SHero ให้การช่วยเหลือชีวิตก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมาก ตัวฉันและลูกไม่ต้องย้ายออกจากที่พักแต่เรามี safety plan และไม่ต้องย้ายที่อยู่ ทั้งยังรู้สึกปลอดภัย ฉันออกจากความสัมพันธ์ที่รุนแรงมาได้ 1 ปีครึ่งแล้วต้องขอบคุณ SHero ” คุณ A (นามสมมติ) หนึ่งในผู้ได้รับการช่วยเหลือจาก SHero
“ การขึ้นศาลเยาวชนและครอบครัวนั้นบางครั้งเราไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการดำเนินการด้วยตนเอง ทีมของ SHero เป็นทีมงานสหวิทยาการทำให้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการช่วยเหลือเรา เพราะทีมงานมีทั้งผู้ดูแลเคสและทนายให้คำปรึกษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย (Case management & Probono lawyers) ทำให้เราได้รับทั้งการช่วยเหลือทางด้านกฏหมายในการปฏิบัติการจริงและการให้ความช่วยเหลือทางด้านอารมณ์ รวมถึงการตอบคำถามที่เรามีจำนวนมากทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลงและรู้สึกได้รับการสนับสุนนในเส้นทางของกระบวนการยุติธรรม ” คุณ B (นามสมมติ) หนึ่งในผู้ได้รับการช่วยเหลือจาก SHero
“ สำหรับตัวหนูเองรู้สึกประทับใจและขอบคุณพี่ๆ ในทีมทุกคนที่ช่วยเหลือเคสของหนูจนประสบผลสำเร็จ หนูเหมือนได้ชีวิตใหม่ไม่ต้องทนอยู่ไม่ต้องเสียเวลาชีวิตให้เขาคอยทำร้ายและควบคุมชีวิตหนูอีกต่อไป เหมือนหนูได้เติบโตได้ออกมามองโลกกว้างมากขึ้นรู้สึกรักตัวเองและรู้ว่าตัวเองมีความสามารถและมีคุณค่า และหนูจะใช้ชีวิตใหม่นี้ให้ดีให้ปลอดภัย ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ” คุณ C (นามสมมติ) หนึ่งในผู้ได้รับการช่วยเหลือจาก SHero
“ การทำงานร่วมกันเป็นทีมของอาสาสมัครจาก SHero ที่มีทั้งนักกฎหมาย นักสังคมสงเคราะห์ และนักจิตวิทยา นอกจากจะทำให้ผู้เสียหายได้รับการดูแลในมิติที่กว้างขึ้นแล้ว ตัวอาสาสมัครผู้ปฏิบัติงานเองก็ได้รับการโอบอุ้ม ได้รับกำลังใจ และเสริมสร้างความมั่นใจให้กันและกันได้อย่างดีด้วย เพราะในหลายกรณี ทีมอาสาสมัครของ SHero จำเป็นต้องเป็นปากเป็นเสียงให้ผู้เสียหาย ต้องเป็นตัวแทนในการเรียกร้อง และต่อสู้กับอคติ ความไม่เข้าใจ และระบบราชการที่ไม่เป็นมิตรและละเอีอดอ่อนกับผู้เสียหายที่ถูกลดทอนพลังและมีบาดแผลจากสถานการณ์ความรุนแรงมาแต่เดิมแล้ว การทำงานป็นทีมสหวิชาชีพเล็กๆ ของ SHero จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรทั้งต่อผู้เสียหาย และอาสาสมัคร ทั้งยังเป็นตัวอย่างงที่ดีให้กับหน่วยงานอื่นๆ ได้ด้วย ” นักสังคมสงเคราะห์อาสา
“ สิ่งที่ประทับใจสำหรับ SHero คือ การที่ SHero เป็นองค์กรที่มีค่านิยมองค์กร (core value) ที่เข้มแข็งและแน่ชัดมาก ทุกครั้งที่มีผู้เสียหายส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามา องค์กรพยายามที่จะช่วยเหลือทุกเคสอย่างเต็มความสามารถที่สุด การทำงานปราศจากอคติและไม่มีเรื่องของการเมืองเข้าแทรกแซงที่จะทำให้เราทำงานอย่างไม่สะดวกหรือไม่สบายใจ นอกจากนั้น SHero ยังคอยให้ความรู้เพิ่มเติมกับอาสาทึ่เข้ามาช่วยทำงานตลอด ทำให้การทำงานง่ายและสำเร็จได้จริงๆ ” ทนายความอาสา
“ ได้รับการความช่วยเหลือทั้งด้านงาน ความรู้ และสุขภาพจิต จากคนทำงานด้วยกันเป็นอย่างดี ทุกๆคนช่วยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อะไรที่เราไม่รู้ ทุกคนยินดีให้ความช่วยเหลือเสมอ รู้สึกประทับใจคนในองค์กรและการทำงานของคนในองค์กรมากๆ ช่วยทำให้เรามีกำลังใจและไม่ท้อในการที่จะช่วยเหลือเคสต่อ อีกทั้งเวลาเราช่วยเหลือเคสแต่ละเคสจนสำเร็จแล้ว เราได้เห็นเคสมีความสุขและรู้สึกปลอดภัย นั่นทำให้เรารู้สึกดีใจมากๆและภูมิใจกับตัวเองเหมือนกันที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือคนๆ หนึ่งให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและปลอดภัยได้ในแบบที่เขาควรได้รับ นอกจากนี้เรายังได้เรียนรู้ปัญหาไม่ว่าจะเป็นด้านกระบวนการทำงาน ความคิด สภาพสังคม การบังคับใช้กฎหมาย หรือสภาพจิตใจของเคส การเรียนรู้จากการทำงาน ทำให้รู้สึกอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันกฎหมายให้ดีขึ้น และแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้างสังคม ” ทนายความอาสา
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ อธิบาย จำนวนที่ได้ประโยชน์ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น กลุ่มคนเปราะบาง ผู้ประสบความรุนแรง 13 คน ผู้ได้รับประโยชน์ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือทางด้านจิตใจ สังคมและด้านกฎหมายเพื่อเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างปลอดภัยและได้รับความคุ้มครองจากกฎหมาย ได้รับความเป็นธรรมและใช้ชีวิตปราศจากความกลัว อื่นๆ ทนายอาสาและผู้จัดการกรณีอาสา 16 คน พัฒนาองค์ความรู้ ทัศนคติ ทักษะในการทำงานช่วยเหลือผู้ประสบความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ รูปภาพการดำเนินกิจกรรม
** เนื่องจากการทำงานคดีเป็นข้อมูลความลับ จึงไม่สามารถนำเสนอรูปเกี่ยวกับการทำคดีโดยตรงได้ ขอนำเสนอการทำงานประชุมคดีและการอบรมระหว่างทีมแทน อย่างไรก็ตาม ในการทำอบรมทรัพยากรของทีม ไม่ได้มีการใช้งบประมาณจากกองทุนที่ระดมผ่านเทใจแต่อย่างใด **
-
-
ความคืบหน้าโครงการ > บุญ-ส่ง: สมทบทุนจัดซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ 400 ชุด
ส่งมอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับให้ผู้สูงอายุติดเตียง
10 พฤศจิกายน 2023อ่านต่อแคมเปญ “บุญ” : สมทบทุน เพื่อจัดซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับรวมจำนวน 400 ชุด เป็นแคมเปญที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี เพื่อต้องการช่วยเหลือกลุ่มผู้สูงอายุในครอบครัวที่มีรายได้น้อยหรือไม่มีครอบครัวดูแลอย่างใกล้ชิด และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้เวชภัณฑ์ที่ถูกสุขอนามัยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการติดเชื้อและอื่นๆตามมา
ระยะเวลาเปิดระดมทุนที่ร่วมกับเทใจดอทคอม ตั้งแต่ 17 กรกฎาคม - 4 ตุลาคม 2566 มีผู้เข้าร่วมระดมทุนจำนวน 231 คน ยอดบริจาค 110,274 บาท
ทางมูลนิธิอินเทอร์เน็ตฯ จัดส่งมอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ ให้กับ 2 จังหวัด คือ
- ชุมชนพื้นที่ร่มเกล้า ลาดกระบัง กรุงเทพฯ ส่งมอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่จำนวน 158 ห่อ แผ่นรองซับ 120 ห่อ จำนวนผู้ได้รับของ 100 คน
- พื้นที่ใน อ.เมือง จ.ระยอง ส่งมอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่จำนวน 107 ห่อ แผ่นรองซับ 130 ห่อ จำนวนผู้ได้รับของ 100 คน
สิ่งที่ได้จากการทำโครงการ
- ครอบครัวของกลุ่มผู้สูงอายุที่ครอบครัวมีรายได้น้อยได้นำของที่รับบริจาคไปใช้ประโยชน์และลดค่าใช้จ่ายในการซื้อเวชภัณฑ์
- กลุ่มอาสาสมัครที่เข้าไปช่วยดูแลผู้สูงอายุที่ไม่มีคนดูแลอย่างใกล้ชิด ได้นำผ้าอ้อมผู้ใหญ่ไปใช้ได้ทันเหตุการณ์และแบ่งเบาค่าใช้จ่าย เนื่องจากบ่อยครั้งที่อาสาสมัครจัดหาผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับเองเพราะมีความล่าช้าในการเบิกกับส่วนกลาง (พม.)
- รอยยิ้มและความปลาบปลื้มที่ผู้สูงอายุรู้สึกได้รับความใส่ใจ ไม่ถูกลืม
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ก่อน : ครอบครัวของผู้สูงอายุที่ต้องการความช่วยเหลือ บางครอบครัวมีความกังวลในเรื่องการได้รับของบริจาค กลัวว่าไม่ได้รับสิทธิแม้จะอยู่ในชุมชนของกลุ่มเป้าหมายก็ตาม อีกทั้งกลุ่มอาสาสมัครมีความต้องการให้มาช่วยเหลือเรื่องผ้าอ้อมผู้ใหญ่แบบต่อเนื่อง ไม่อยากให้มาครั้งเดียวแล้วหายไป
หลัง : ได้มีการประสานข้อมูลและเน้นย้ำไปยังตัวแทนผู้รับมอบ ให้มีการกระจายไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ อย่างทั่วถึง เช่น ชุมชนร่มเกล้าแบ่งสายดำเนินงานออกเป็น 10 สาย 10 หมู่บ้าน เพื่อส่งมอบและกระจายไปยังผู้สูงอายุที่ต้องการความช่วยเหลือ ในส่วนของ จ.ระยอง ส่งมอบที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดระยอง และมี พมจ. เข้ามารับทราบและช่วยกำกับดูแลการนำไปใช้
ข้อสรุป จากการสำรวจพื้นที่รับมอบ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่มีความต้องการสูงมากในสังคมผู้สูงอายุ และเนื่องจากสินค้ามีราคาสูงและปริมาณการใช้ต่อวันมากสุด คือ 3-4 แผ่น ทำให้ค่าใช้จ่ายในการซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่สูงมากในแต่ละเดือน ทำให้แคมเปญ “บุญ” เป็นหนึ่งในแคมเปญที่ช่วยเหลือทั้งด้านทุนทรัพย์และจิตใจต่อผู้รับเป็นอย่างมาก
ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์
“ ดีใจมากๆ และขอขอบพระคุณแทนผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงทุกท่านในชุมชน ที่ได้รับการบริจาคผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับในครั้งนี้ ที่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย ซึ่งในแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากอยู่แล้ว ” นางสมพร เกี้ยวกลาง รองประธานชุมชมผู้สูงอายุ ศูนย์บริการสาธารณสุข 45 ร่มเกล้า ลาดกระบัง กรุงเทพฯ
“ ปกติใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่อย่างน้อย 3 ชิ้นต่อวันตัวโต๊ะเองก็เป็นเบาหวาน ทำให้ต้องปัสสาวะบ่อยๆ ไม่อยากทิ้งไว้นานกลัวจะเป็นแผลกดทับ เลยทำให้ต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย และในส่วนนี้มีผู้ดูแล มาช่วยเปลี่ยนและดูแลให้เนื่องจากที่บ้านมีผู้สูงอายุจำนวน 2 คน และต้องขอขอบคุณทางมูลนิธิที่มามอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้ในวันนี้ ” นางมีเลาะ มูฮำหมัด ผู้สูงอายุทีได้รับมอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่บ้านเลขที่ 12 ซอยเคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น แขวงลาดกระบัง กรุงเทพฯ
“ ขอขอบคุณทางมูลนิธิฯ ในการช่วยเหลือในครั้งนี้ที่สามารถแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ ซึ่งในแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ 2,000 บาทต่อเดือน ” คุณแผ่ว บำรุงพงษ์ ผู้ดูแลผู้สูงอายุและติดเตียง อ.เมือง จ.ระยอง
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ อธิบาย จำนวนที่ได้ประโยชน์ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ผู้สูงอายุ - ผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง/ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ในพื้นที่ชุมชนร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กทม.
- ผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง/ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในพื้นที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง
200 คน ผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียง/ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จะได้รับการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเรื่องผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ เนื่องจากสินค้าเหล่านี้มีราคาสูงและความถี่ในการใช้งานต่อวันมากสุดถึง 4 แผ่น เพื่อสุขอนามัยที่ดี
ไม่ก่อให้เกิดปัญหาการติดเชื้อตามมารูปภาพการดำเนินกิจกรรม
วิดีโอการดำเนินกิจกรรม
-
ความคืบหน้าโครงการ > เชื่อมสุขส่งเตียงให้ผู้ป่วยติดเตียงยากไร้
ส่งต่อเตียงให้กับผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ จำนวน 22 ราย
10 พฤศจิกายน 2023อ่านต่อในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน 2566 มูลนิธิฯ ได้รับบริจาคเตียงจากผู้มีจิตศรัทธา และดำเนินการส่งต่อให้กับผู้ป่วยติดเตียง และผู้สูงอายุยากไร้ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวน 22 ราย ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้ได้รับความสะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นการแบ่งเบาภาระทางด้านการเงิน ที่จะต้องจัดหา/ซื้อเตียงเอง รวมถึงได้แบ่งเบาภาระผู้ดูแลผู้ป่วยด้วย
รายละเอียดการรับส่งเตียงในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2566
ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์
“ มูลนิธิฯ ได้ให้ความอนุเคราะห์ส่งเตียงผู้ป่วยถึงบ้าน คุณพ่อดีใจมาก เพราะทำให้การนอนหลับดีขึ้น คนดูแลก็สะดวกสบายขึ้น โดยเฉพาะการป้อนอาหาร อาบน้ำ หรือเปลี่ยนแพมเพิร์ส ต้องขอขอบคุณทั้งผู้บริจาค และมูลนิธิฯ ที่มีจิตเมตตาแก่ผู้ยากไร้ ” คุณทวีรัตน์ สังข์อยู่ เป็นบุตรสาวและผู้ดูแล คุณสำนวน สังข์อยู่ อายุ 73 ปี ผู้ป่วยอาการน้ำเกินในโพรงสมอง และกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ อธิบาย จำนวนที่ได้ประโยชน์ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส ผู้ป่วยติดเตียง และผู้สูงอายุยากไร้ ฐานะยากจน ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ที่ไม่สามารถจัดหา หรือซื้อเตียงและอุปกรณ์ช่วยเหลือเองได้ 22 คน - ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระแก่ผู้ดูแลผู้ป่วย
- ค่าใช้จ่ายต่อครอบครัวลดลง
- ทำให้คุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตของคนในครอบครัวดีขึ้น
รูปภาพการดำเนินกิจกรรม
-
ความคืบหน้าโครงการ > แว่นตาเพื่อเด็กดาวน์ซินโดรม
มอบแว่นสายตาให้เด็กดาวน์ซินโดรม 20 คน
6 พฤศจิกายน 2023อ่านต่อมูลนิธิฯ มีหน่วยงานที่ทำการฟื้นฟูสมรรถภาพบุคคลพิการทางสติปัญญา ด้านการแพทย์ การศึกษา การฝึกอาชีพ และการสังคมระดับต่างๆ โดยมีศูนย์ฯ และโรงเรียนที่ให้บริการจำนวน 8 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 5 แห่ง โดยเด็กหลายคนมีอาการสายตาสั้น หลังจากที่ได้รับแว่นตาแล้วนั้นมีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ดังต่อไปนี้
- ช่วยให้เด็กพิการทางสติปัญญาที่มีปัญหาสายตาได้รับการรักษาและจัดหาแว่นตาที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถเรียนรู้และฝึกฝนทักษะ จนสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
- ลดภาระการดูแลของครอบครัว เมื่อเด็กสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
- ได้เรียนหนังสือ มีอาชีพ มีรายได้ ไปจนถึงสามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้
- มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้รับเงินระดมทุนทั้งหมด 66,058 บาท เพื่อดำเนินโครงการการแว่นตาเพื่อเด็กดาวน์ซินโดรม 60,000 บาท และเงินคงเหลือ 6,058 บาท มูลนิธิคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยนำไปดูเด็กที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ ต่อไป
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ อธิบาย จำนวนที่ได้ประโยชน์ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ผู้พิการและผู้ป่วย เด็กพิการทางสติปัญญา 20 คน เด็กพิการทางสติปัญญาได้แว่นตาช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น รูปภาพการดำเนินกิจกรรม
-
ความคืบหน้าโครงการ > ถ้าขอพรได้ 1 ข้อ "หนูอยากเดินได้" น้องใบเตย เด็กหญิงเก่งหัวใจแกร่ง
น้องใบเตยได้รับขาเทียมและได้ฝึกเดินก้าวแรกแล้ว
6 พฤศจิกายน 2023อ่านต่อ“น้องใบเตย” อายุ 10 ปี ผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา เกิดมาพิการซ้ำซ้อน “เพดานโหว่ ลิ้นไก่สั้น หัวใจรั่ว ลำตัวคด ใบหน้าบิดเบี้ยว มีขาเล็กลีบ 1 ข้าง รูหูตีบเล็ก และไม่มีรูทวาร” เคยฝันว่าอยากมีโอกาสก้าวเดิน
และเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 เธอได้รับขาเทียมและได้ฝึกเดินก้าวแรกแล้ว หลังมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. ประสานการช่วยเหลือน้องใบเตย เพื่อเข้ารับการรักษาที่สถาบันสิรินธร เพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ จ.นนทบุรี โดยแพทย์เฉพาะทางได้หล่อแบบอุปกรณ์เสริม (ขาเทียม) สอนฝึกกายภาพ พร้อมมอบวอร์คเกอร์อุปกรณ์ช่วยพยุงตัวเดินกลับไปหัดเดินที่บ้านหลังสวมขาเทียม
แม้เธอจะเดินได้เพียงแค่ก้าวได้แค่สั้นๆ ก็ดีใจมาก “เพราะหนูอยากช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด” น้องใบเตยพูดด้วยรอยยิ้มกว้างสดใส
ปัจจุบันนี้น้องใบเตยยังคงต้องฝึกเดินและยังต้องเดินทางไปที่สถาบันสิรินธรฯ เพื่อปรับขาเทียมให้สามารถพยุงตัวและเดินได้โดยไม่เจ็บขา เพราะเนื่องจากลำตัวน้องใบเตยผิดรูป จึงไม่สามารถเดินได้และทรงตัวนานๆ ได้
หากน้องใบเตยมีอาการเจ็บขาในขณะฝึกเดินในชีวิตประจำวัน พ่อน้องใบเตยจะนัดกับคุณหมอเพื่อเดินทางไปพบเพื่อนำขาเทียมไปปรับให้เหมาะกับสรีระร่างกาย นอกจากนี้น้องใบเตยยังคงต้องกินอาหารเสริมทุกวันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงกระดูกและกล้ามเนื้อของร่างกาย
ทั้งนี้ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจบุญทุกท่านที่บริจาคเงินช่วยเหลือน้องใบเตย
รูปภาพการดำเนินกิจกรรม