ความเคลื่อนไหว

  • ความคืบหน้าโครงการ > หนึ่งคนให้ หลายคนได้ยิน

    มอบเครื่องช่วยฟังให้ผู้ป่วยศูนย์แก้ไขความพิการบนใบเหน้าและกะโหลก รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย 15 เครื่อง

    2 พฤศจิกายน 2023

    มูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ ได้จัดโครงการหนึ่งคนให้ หลายคนได้ยิน เพื่อนำไปจัดซื้อเครื่องช่วยฟัง มอบให้ผู้ป่วยศูนย์แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จำนวน 15 เครื่อง เครื่องละ 30,000.- บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 450,000.- บาท เงินบริจาคจากการระดมเงินบริจาคผ่านเทใจดอทคอม จำนวน 433,683.- บาท และมูลนิธิหนึ่งคนให้ หลายคนรับ จำนวน 16,317.- บาท

    โดยได้รับเกียรติจากศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในการรับมอบดังนี้

    •  ศ. กิตติคุณ นพ.จรัญ มหาทุมะรัตน์ หัวหน้าศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ ฯ
    •  ศ. นพ.นนท์ โรจน์วชิรนนท์ รองหัวหน้าศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ
    •  อ. พญ.ชุติมา จิรภิญโญ ศัลยแพทย์ตกแต่งและเสริมสร้าง ศูนย์ฯ


    ภาพ: ตัวอย่างเครื่องช่วยฟัง

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น
    ผู้ได้รับประโยชน์จำนวนความเปลี่ยนแปลง
    ผู้ป่วยของศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่เป็นคนไข้ของศูนย์15 คน
    • ผู้ป่วยของศูนย์ฯ ได้รับการช่วยเหลือค่าใช้จายเครื่องช่วยฟังโดยไม่ต้องไปขอสิทธิ์จากโรงพยาบาลต้นสังกัด
    • ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น มีความมั่นใจในการสื่อสาร สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ ไปรร.และประกอบอาชีพได้ดียิ่งขึ้น
    ความประทับใจจากผู้ป่วยที่ได้เครื่องช่วยฟัง


    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > Van Play รถโมบายพาเด็กเล่น

    กิจกรรม Van Play ส่งเสริมรณรงค์ให้สังคมเห็นความสำคัญของการเล่นอิสระ

    1 พฤศจิกายน 2023

    กิจกรรม Van Play โดยกลุ่มไม้ขีดไฟได้ดำเนินงานส่งเสริมรณรงค์ให้สังคมเห็นความสำคัญของการเล่นอิสระ (Free Play) เพื่อช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ต่อกลุ่มเด็กปฐมวัย - อนุบาล และนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

    ซี่งในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับงบประมาณส่วนหนึ่งจากเทใจดอทคอม โดยได้ตระเวนจัดลานเล่นอิสระ (Free Play) ไปยัง 7 โรงเรียน 5 ศูนย์การเรียนเด็กชายขอบ อ.แม่สอด จ.ตาก 1 ชุมชน 1 อุทยาน(อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่) งานตีนเขา ไนท์มาร์เก็ต เขาใหญ่ 2 ครั้งรวม 15 สถานที่ จำนวน 16 ครั้ง และมีเด็กเข้าร่วมกิจกรรมดังนี้

    • โรงเรียนอนุบาลพรรณทิพย์ ต.ดอนโมง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น วันที่ 8 กันยายน 66 จำนวน 120 คน
    • โรงเรียนบ้านโคกสะอาด อ.แก่งคอย จ.สระบุรี วันที่ 11 กันยายน 66 จำนวน 140 คน
    • โรงเรียนวัดมิตรภาพวนาราม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วันที่ 12 กันยายน 66 จำนวน 166 คน
    • โรงเรียนวัดวชิราลงกรณวราราม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วันที่ 13 กันยายน 66 จำนวน 127 คน
    • โรงเรียนวัดท่ามะปราง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี วันที่ 14 กันยายน 66 จำนวน121 คน
    • โรงเรียนอนุบาลประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี วันที่ 15 กันยายน 66 จำนวน157 คน
    • ลานชุมชนบ้านนา ต.ดงบัง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี วันที่ 16 กันยายน 66 จำนวน 65 คน
    • โรงเรียนตลาดคลอง 16 อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา วันที่ 20 กันยายน 66 จำนวน 152 คน
    • ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วันที่ 22 กันยายน 66 จำนวน 120 คน
    • ศูนย์ชุมชนสไมล์เลย์คลับ อ.แม่สอด จ.ตาก วันที่ 9 ตุลาคม 66 จำนวน 40 คน
    • ศูนย์การเรียน Champion อ.แม่สอด จ.ตาก วันที่ 10 ตุลาคม 66 จำนวน 120 คน
    • ศูนย์การเรียน BL SOKA อ.แม่สอด จ.ตาก วันที่ 10 ตุลาคม 66 จำนวน 140 คน
    • ศูนย์การเรียนสุขหรรษา MLC อ.แม่สอด จ.ตาก วันที่ 11 ตุลาคม 66 จำนวน 120 คน
    • ศูนย์การเรียนอาโยนอู MLC อ.แม่สอด จ.ตาก วันที่ 11 ตุลาคม 66 จำนวน 80 คน
    • งานตีนเขา ไนท์มาเก็ต เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วันที่ 27-28 ตุลาคม 66 จำนวน 200 คน

    มีเด็กเข้าร่วมรวม 1,868 คน ซึ่งกิจกรรมมีจำนวน 2 Workshop ประดิษฐ์ปอมๆ และประดิษฐ์ไม้หนีบสัตว์น้อยน่ารัก พร้อมกับลานเล่นประกอบไปด้วย 15 ฐานกิจกรรม ดังนี้

    1. ปีนป่าย
    2. รางลูกแก้ว
    3. จิ๊กซอร์ไม้
    4. สร้างถนน
    5. ไม้ทรงตัว
    6. เล่นฟองสบู่
    7. เล่นกับครัว
    8. ประกอบรถไม้
    9. มุมแต่งตัว
    10. เล่นกับไม้
    11. มุมนิทาน
    12. มุมสร้างหมู่บ้าน
    13. มุมศิลปะ
    14. มุมท่อสร้างสรรค์
    15. เล่นกับทราย

    จากการดำเนินกิจกรรม Van Play ในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากเด็กๆ ผู้ปกครอง ครูผู้ดูแลเด็ก องค์กรที่ทำงานด้านเด็กทั้งภาคธุรกิจ องค์กรเอกชน ฯลฯ เป็นอย่างมาก เด็กได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ในด้านต่างๆ ที่เกิดกับตนและคนรอบข้าง รวมถึงการเห็นคุณค่าของตน เกิดความมั่นใจ เชื่อมั่นภาคภูมิใจในตนเองผ่านการเล่น การลงมือทำ ผู้ปกครองและครูผู้ดูแลเด็กได้เห็นความสำคัญของการเล่นอิสระ ที่เปิดโอกาสให้เด็กเกิดกระบวนการเรียนรู้อย่างอิสระ รู้ได้ด้วยตน

    ผู้ปกครองและครูผู้ดูแลเด็กเป็นผู้เสริมพลัง อำนวยนิเวศน์การเรียนรุ้ให้กับเด็ก ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากบุคคล กลุ่ม องค์กร ทั้งภาครัฐ เอกชน บริษัท ฯลฯ สนใจที่จะให้การสนับสนุนทุนพื้นที่ในการนำกิจกรรมดังกล่าวไปจัดอบรมในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่แนวคิด กระบวนการกิจกรรมการเล่นอิสระ (Free Play) จะขยายและติดตั้งในทุกส่วนของสังคม “การเล่น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ” จากการทำกิจกรรมกว่า 15 สถานที่ที่ผ่านมา พบว่าผู้ปกครองและครู รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กส่วนใหญ่เห็นว่าการเล่นนั้นสำคัญกับเด็ก และยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเล่นอิสระ (Free Play) และการเป็นผู้อำนวยการเล่น Play Worker ที่เปิดนิเวศน์การเล่น ที่เด็กได้เรียนรู้อย่างอิสระ พัฒนาตนเองอย่างอิสระและปลอดภัย

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์ 

     “ เด็กต้องการพื้นที่เล่น พื้นที่ที่เป็นของตัวเองหรือสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ผู้ใหญ่เป็นเพียงผู้เฝ้าดู แทรกแซงเท่าที่จำเป็น ที่สำคัญพื้นที่เล่นไม่ใช่สนามกีฬา ไม่ใช่แค่เรื่องเล่นแต่เป็นเรื่องสังคม พื้นที่ที่เป็นของตัวเอง สังคมที่เป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ” นายกฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์ เจ้าหน้าที่ ศูนย์ชุมชนสไมล์เลย์คลับ อ.แม่สอด จ.ตาก

     “ เล่นอิสระเป็นเรื่องง่ายๆ แต่การเปลี่ยนมุมมองไปสู่ผู้อำนวยการเล่น ให้เด็กได้พัฒนาเติบโตเปิดพื้นที่การเล่นอิสระการเล่นของเด็กเป็นเรื่องที่ยากและท้าทาย ” นายบุญสืบ พันธุ์ประเสริฐ ผู้ประสานงานกลุ่มเยาวชนท่ามะปราง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

     “ เล่นเท่ากับการเรียนรู้ เด็กๆ เรียนรู้ พัฒนา เติบโตผ่านการเล่น การเล่นอิสระทำให้เด็กๆ ได้เปิดประตูบานใหญ่ในการพัฒนาตนเองในทุกๆ ด้านควรมีการส่งเสริมการเล่นอิสระให้เด็กๆ มีพื้นที่การเล่นอิสระอย่างแท้จริง ” นางสาวพรชนก ค่ายสงคราม ผู้ประสานงานกลุ่มเส้นตอก เครือข่ายชุมชนดงบัง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี 

    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม


    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > โครงการนมเพื่อน้องในพื้นที่สังขละบุรี

    สนับสนุนนมผงและนมกล่องให้น้องในพื้นที่สังขละบุรี เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2566

    1 พฤศจิกายน 2023

    จำนวนเด็กที่ได้รับประโยชน์จากโครงการในช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2566 

    ในช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2566 มีเด็กเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น 7 คน และในเดือนสิงหาคมมีเด็ก 1 คน ออกจากโครงการ เนื่องจากเด็กเลิกดื่มนมและสามารถทานอาหารอื่นได้ เด็กมีสุขภาพที่เหมาะสมตามวัน โดยแบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้

    • เด็กอายุ 1 เดือน - 9 เดือน สำหรับการสนับสนุนนมผง โดยเมื่อเด็กอายุ 7-8 เดือน ปริมาณนมผงที่ให้การสนับสนุนจะลดลงเพราะเด็กเริ่มกินอาหารสำหรับเด็กเล็กได้ เพื่อให้เด็กได้รับสารอาหารอื่นๆ เพิ่มและเริ่มคุ้นชินกับการกินอาหารเด็ก ซึ่งหลังจากช่วงวัยนี้นมจะเป็นเพียงอาหารเสริม
    • เด็กอายุ 1 – 2 ขวบ สำหรับการสนับสนุนนมกล่อง โดยโครงการฯ จะหยุดให้การสนับสนุนเมื่อเด็กอายุ 3 ขวบหรือเข้าโรงเรียนเพราะเด็กโตพอที่จะรับสารอาหารจากอาหารปกติและเด็กเข้าโรงเรียนจะได้รับนมจากโรงเรียนเพื่อเสริมอาหาร

     การใช้งบประมาณในโครงการเดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2566 จำนวน 35,730 บาท

    • นมผง เฉลี่ยเดือนละ 28 ถุง เป็นเงิน 18,630 บาท
    • นมกล่อง เฉลี่ยเดือนละ 16 ลัง เป็นเงิน 17,100 บาท

    ทั้งนี้ เงินคงเหลือของโครงการเพียงพอต่อการสนับสนุนนมผงและนมกล่องให้กับเด็กที่เข้าร่วมโครงการจนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งทางโครงการจะรายงานความคืบหน้าโครงการอีกครั้งสิ้นเดือนธันวาคม 2566

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

     " แก้วขอบคุณที่โครงการให้ความช่วยเหลือทำให้เด็กได้รับอาหารที่เหมาะสมกับวัยแล้ว อีกทั้งยังช่วยแบ่งเบาภาระของครูที่ให้ความช่วยเหลือแก้วและครอบครัวมาโดยตลอด ” คุณแก้ว แม่ของน้องธัญชนก อายุ 10 เดือน 
    โดยได้รับการสนับสนุนนมผง จำนวน 2 กล่องต่อเดือน  

     " ขอบคุณโครงการ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือครั้งนี้ ครอบครัวของเธอก็คงมีหนี้สินไม่จบสิ้นอย่างแน่นอน " ย่าของน้องนาเดีย อายุ 1 ปี 3 เดือน
    โดยได้รับการสนับสนุนนมผงจำนวน 2 กล่องต่อเดือน น้องนาเดียได้รับความช่วยเหลือตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 

     " รู้สึกขอบคุณโครงการที่ให้ความช่วยเหลือเด็กๆ และครอบครัว เพราะเด็กทั้งสองคนต้องกินนมเป็นหลัก ลำพังตัวเองคงไม่สามารถซื้อนมให้เด็กทั้งสองคนได้ นมที่ได้รับช่วยแบ่งเบาภาระให้กับครอบครัว และเด็กๆ ได้กินนมสุขภาพน่าจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ " คุณศิริกาญจน์ แม่ของน้องกัญญาธิบดิ์และน้องกัญญาปภา พี่น้องฝาแฝดอายุ 1 ขวบ 2 เดือน 
    โดยได้รับการสนับสนุนนมผงให้กับเด็กๆ ตั้งแต่พวกเขาอายุ 6 เดือน จนกว่าแม่ของเด็กจะมีงานที่มั่นคงและมีรายได้เพียงพอ

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชน
    • เด็กในช่วงอายุตั้งแต่ 1 – 9 เดือน
    • เด็กตั้งแต่อายุ 1 – 3 ปี (ก่อนเข้าเรียนในโรงเรียน) ที่มีสุขภาพไม่ดี/ไม่ทานข้าว/แพ้นมวัวและมีฐานะยากจน ในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี
    33 คน
    • เด็กมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น ได้รับโอกาสในการเติบโตด้วยพัฒนาการทั้งทางร่างกายและการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับช่วงวัย
    • เด็กที่มีโรคประจำตัวมีทางเลือกทางโภชนาการมากขึ้นและเหมาะสมกับสุขภาพของตัวเอง
    ครอบครัวเด็กครอบครัวของเด็กที่ได้รับการสนับสนุนซึ่งเป็นครอบครัวที่มีรายได้น้อยและมีเด็กที่อยู่ในความดูแลจำนวนมากหรือผู้ที่หารายได้หลักในครอบครัวสุขภาพไม่ดีไม่สามารถหารายได้ได้เพียงพอกับภาระค่าใช้จ่ายซึ่งอยู่อาศัยในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี33 ครอบครัว (เฉลี่ยครอบครัวละ 1 คน)
    • ครอบครัวของเด็กมีความเข้าใจเรื่อง โภชนาการเด็กมากขึ้น จัดหาอาหารที่เหมาะสมกับเด็กในแต่ละช่วงวัยได้ดีขึ้น
    • ครอบครัวมีรายได้เหลือเพื่อใช้ในภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าใช้จ่ายทางการเรียนของลูก
    • ภาระหนี้สินของครอบครัวลดลงจากการกู้ยืมนอกระบบ
    • เพิ่มโอกาสทางด้านการศึกษาให้กับเด็กคนอื่นในครอบครัว ลดปัญหาการออกจากโรงเรียนกลางคันของเด็ก
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม


    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > บริจาคเพื่อซื้ออุปกรณ์ช่วยดับไฟป่า ลดปัญหาหมอกควัน (PM 2.5)

    มอบเครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้า ให้กับหมู่บ้านป่าแงะ จ.เชียงราย จำนวน 6 เครื่อง

    31 ตุลาคม 2023

    จากการระดมทุนจากโครงการบริจาคเพื่อซื้ออุปกรณ์ช่วยดับไฟป่า ลดปัญหาหมอกควัน (PM 2.5) และโครงการระดมทุนซื้อเครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้า จ.ลำปาง เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งทำให้โครงการสามารถส่งมอบเครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้าได้จำนวน 7 เครื่อง โดยแบ่งมอบในจังหวัดเชียงราย จำนวน 6 เครื่อง และ จังหวัดลำปาง จำนวน 1 เครื่อง

    ทุกๆ ปี ชาวบ้านและอาสาสมัครจะต้องทำแนวกันไฟป่า และเข้าไปดับไฟอยู่เป็นประจำด้วยความยากลำบาก และประสบกับปัญหาหลากหลายด้าน เช่น ค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษา ความไม่คล่องตัวในการเดินป่า ใช้งานยาก และอันตรายจากการที่ต้องพกน้ำมันเชื่อเพลิง เข้าไปแก้ปัญหาไฟป่า

    นวัตกรรมเครื่องเป่าใบไม้กำลังสูง ที่มีน้ำหนักเบา และเสียงเบามาก รวมถึงพ่นอากาศได้แรงกว่าเมื่อเทียบกับแบบเครื่องยนต์ จะช่วยการทำงาน ง่ายขึ้น ประหยัด รวดเร็ว คล่องตัวและปลอดภัย

    ในวันที่ 9 กันยายน 66 ทางบริษัทได้ทำการมอบเครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้า ให้กับหมู่บ้านป่าแงะ ม.5 ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย จำนวน 6 เครื่อง รวมถึงสาธิตวิธีใช้ให้คนในหมู่บ้านมีความเข้าใจในการใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวด้วย ซึ่งทางหมู่บ้านได้จัดงานรับมอบขึ้นที่ วัดป่าแงะ จ.เชียงราย โดยจะนำไปใช้เพื่อทำแนวป้องกันไฟป่าและดับไฟป่าในฤดูไฟป่าต่อไป 

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    ครอบครัวครอบครัวในหมู่บ้านป่าแงะ จ.เชียงราย242 หลังคาเรือนคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากปัญหาหมอกควันที่ลดลง รวมทั้งรักษาพื้นที่ป่าสมบูรณ์ไว้ได้อีกด้วย
    รูปภาพการดำเนินโครงการ

     ภาพ : รับมอบเครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้า

     ภาพ : ตัวแทนรับมอบเครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้า

     ภาพ : ให้ความรู้และสาธิตการใช้เครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้า

    วิดีโอการดำเนินโครงการ

    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > เชื่อมสุขส่งเตียงให้ผู้ป่วยติดเตียงยากไร้

    ส่งต่อเตียงให้กับผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ จำนวน 19 ราย

    25 ตุลาคม 2023

    ในเดือนกันยายน 2566 มูลนิธิฯ ได้รับบริจาคเตียงจากผู้มีจิตศรัทธา และดำเนินการส่งต่อให้กับผู้ป่วยติดเตียง และผู้สูงอายุยากไร้ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จำนวน 19 ราย ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้ได้รับความสะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นการแบ่งเบาภาระทางด้านการเงิน ที่จะต้องจัดหา/ซื้อเตียงเอง รวมถึงได้แบ่งเบาภาระผู้ดูแลผู้ป่วยด้วย

    รายละเอียดการรับส่งเตียงในเดือนกันยายน 2566

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาสผู้ป่วยติดเตียง และผู้สูงอายุยากไร้ ฐานะยากจน ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ที่ไม่สามารถจัดหา หรือซื้อเตียงและอุปกรณ์ช่วยเหลือเองได้ 19 คน
    1. ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระแก่ผู้ดูแลผู้ป่วย
    2. ค่าใช้จ่ายต่อครอบครัวลดลง
    3. ทำให้คุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตของคนในครอบครัวดีขึ้น
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม


    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์มีจริงมั๊ย ? มอบโซล่าเซลล์ให้น้องได้ทำการบ้าน !!!!!

    มอบไฟโซล่าเซลล์ให้กับหมู่บ้านพื้นที่ห่างไกล 97 หลังคาเรือน

    24 ตุลาคม 2023
    • 4-6 ตุลาคม 2566 ได้ทำการจัดซื้อและรับจัดเตรียมอุปกรณ์โซล่าเซลล์ จำนวน 60 ชุด และชุดไฟกริ่ง ไฟกลางแจ้ง จำนวน 20 ชุด พร้อมติดป้ายโลโก้มูลนิธิฯ เพื่อสัญลักษณ์การให้ความช่วยเหลือ อีกทั้งยังได้จัดเตรียมเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ของใช้ต่างๆ ไปมอบให้ในครั้งนี้ด้วย
    • 7 ตุลาคม 2566 ได้ออกเดินทางจากแม่สาย เชียงราย มุ่งสู่เชียงใหม่ โดยมีนายกรรจร เจียมรัมย์ และศูนย์เฝ้าระวังภัยแม่สาย ร่วมเดินทางในครั้งนี้ รวมทั้งหมด 8 คน เพื่อมอบโซล่าเซลล์ช่วยน้องในถิ่นกันดารที่ห่างไกล
    • 8 ตุลาคม 2566 เดินทางเข้าสู่หมู่บ้าน เพื่อส่งมอบโครงการโซล่าเซลล์ช่วยน้องในถิ่นกันดารที่ห่างไกล โดยนอนที่ยอดดอย อำเภอพร้าว เชียงใหม่
      หมู่บ้านที่1 แม่งัดน้อย ชาวเขาเผาลาหู่ 15 หลังคา
      หมู่บ้านที่2 เผะโต๊ะ 25 หลังคา
    • 17 ตุลาคม 2566 ได้ออกเดินทางไปยังแม่อาย จำนวนผู้ที่ร่วมเดินทางไปด้วย 6 คน กับโครงการมอบแสงสว่างให้น้องบนยอดดอย
      หมู่บ้านที่3 บ้านจะโต๊ะ อำเภอแม่อาย ชนเผ่าลาหู่ จำนวน 45 หลังคา โดยมีเสื้อผ้า ผ้าห่ม อาหารแห้ง ไปมอบให้ด้วย
      หมู่บ้านที่4 บ้านหมอผี จำนวน 12 หลังคา

    รวมผู้ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการในครั้งนี้ คือ รวมทั้งหมด 4 หมู่บ้าน 97 หลังคาเรือน

    ขอขอบคุณโครงการดีๆ จากมูลนิธิฯบ้านนานา ขอบคุณผู้สนับสนุนโซล่าเซลล์ผ่านเทใจดอทคอม และขอบคุณทีมงานเฝ้าระวังภัยแม่สาย หน่วยเคลื่อนที่เร็ว เครือข่ายเฝ้าระวังภัยพิบัติอาเซียน DPNA ผู้ร่วมนำส่งจนถึงมือชาวบ้าน

    ก่อนที่ทางมูลนิธิฯ จะไปให้ความช่วยเหลือนั้น ชาวบ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ ตกอยู่ในความมืดความกลัว ความเสี่ยง ความล้าหลัง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไฟฟ้านั้นก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการอาศัยอยู่ รวมถึงความปลอดภัยของชีวิตด้วย ไฟฟ้าถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่เอื้อต่อการพัฒนาชีวิตให้มีความสว่างในครอบครัวที่ดีขึ้น

    หลังจากที่มูลนิธิฯได้ไปมอบไฟโซล่าเซลล์ให้กับชาวบ้าน ตามโครงการที่ได้ขอระดมทุนผ่านเทใจดอทคอมแล้วนั้น ทางชาวบ้านได้มีแสงสว่างในยามค่ำคืน หมู่บ้านมีความปลอดภัยในชีวิตและมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

    " ผมรู้สึกดีใจแทนทุกคนในหมู่บ้านที่ได้มีไฟใช้แล้วนะครับ และขอขอบคุณที่มามอบไฟโซล่าเซลล์ให้กับหมู่บ้านของผมครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอย่างมากโดยเฉพาะเวลากลางคืน และขอขอบคุณทุกๆ คนที่ได้สนับสนุนในครั้งนี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ " คุณจะลอ 

    " ดิฉันขอขอบคุณมายังทุกท่านที่มีส่วนในการทำให้ทางหมู่บ้านมีไฟฟ้าใช้ในยามค่ำคืน ทั้งไฟโซล่าเซลล์ในบ้านและไฟกิ่ง รวมทั้งของใช้ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ขนม นม ด้วยนะคะ รู้สึกดีใจมากๆ ค่ะ ที่มีไฟใช้แล้ว ขอบพระคุณค่ะ " คุณอาหมี่ 

    " ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นมากจริงๆ โดยเฉพาะในยามค่ำคืน ขอบคุณที่เล็งเห็นความสำคัญของชาวบ้านในความเดือดร้อนในด้านนี้ และได้มามอบไฟโซล่าเซลล์และไฟกิ่งให้กับหมู่บ้านของผมครับ ขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนในการช่วยเหลือมาในครั้งนี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ " คุณจะฟะ

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ 
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    ประชาชนทั่วไป
    • แถบพื้นที่หมู่บ้านแม่งัดน้อย 15 หลังคา
    • หมู่บ้านเผะโต๊ะ 25 หลังคา อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
    • หมู่บ้านจะโต๊ะ 45 หลังคาเรือน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
    • หมู่บ้านหมอผี 12 หลังคาเรือน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
    97 หลังคาเรือนประชาชนในหมู่บ้านดังกล่าว ได้มีไฟฟ้าเพื่อใช้เป็นแสงสว่างในยามค่ำคืน ทั้งสามารถอ่านหนังสือ ทำการบ้าน ในยามเข้าห้องน้ำ ในยามเจ็บไข้ได้ป่วย อีกทั้งยังมีความปลอดภัยในชีวิต และมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น ซึ่งถือว่าไฟฟ้าเป็นปัจจัยหนึ่งที่เอื้อต่อการพัฒนาชีวิตด้วยเช่นกัน
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม

     ภาพ : การส่งมอบชุดไฟโซล่าเซลล์ให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านแม่งัดน้อย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

     ภาพ : การส่งมอบชุดไฟโซล่าเซลล์ ชุดไฟกิ่ง ของใช้ เสื้อผ้า และเครื่องนุ่งห่ม ให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านเผะโต๊ะ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

     ภาพ : การส่งมอบชุดไฟโซล่าเซลล์ให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านจะโต๊ะ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่

     ภาพ : มอบแสงสว่างสู่ผู้ยากไร้ ในพื้นที่ห่างไกล ณ หมู่บ้านจะโต๊ะ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่

     ภาพ : มอบไฟโซล่าเซลล์เป็นแสงสว่างที่ดีให้กับคนที่ไม่มี พร้อมเสื้อผ้า และเครื่องนุ่งห่ม ณ หมู่บ้านหมอผี อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ระดมทุนซื้อเครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้า จ.ลำปาง เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน

    มอบเครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้า ให้กับหมู่บ้านป่าแงะ จ.เชียงราย จำนวน 6 เครื่อง

    19 ตุลาคม 2023

    จากการระดมทุนจากโครงการบริจาคเพื่อซื้ออุปกรณ์ช่วยดับไฟป่า ลดปัญหาหมอกควัน (PM 2.5) และโครงการระดมทุนซื้อเครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้า จ.ลำปาง เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งทำให้โครงการสามารถส่งมอบเครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้าได้จำนวน 7 เครื่อง โดยแบ่งมอบในจังหวัดเชียงราย จำนวน 6 เครื่อง และ จังหวัดลำปาง จำนวน 1 เครื่อง

    ทุกๆ ปี ชาวบ้านและอาสาสมัครจะต้องทำแนวกันไฟป่า และเข้าไปดับไฟอยู่เป็นประจำด้วยความยากลำบาก และประสบกับปัญหาหลากหลายด้าน เช่น ค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษา ความไม่คล่องตัวในการเดินป่า ใช้งานยาก และอันตรายจากการที่ต้องพกน้ำมันเชื่อเพลิง เข้าไปแก้ปัญหาไฟป่า

    นวัตกรรมเครื่องเป่าใบไม้กำลังสูง ที่มีน้ำหนักเบา และเสียงเบามาก รวมถึงพ่นอากาศได้แรงกว่าเมื่อเทียบกับแบบเครื่องยนต์ จะช่วยการทำงาน ง่ายขึ้น ประหยัด รวดเร็ว คล่องตัวและปลอดภัย

    ในวันที่ 9 กันยายน 66 ทางบริษัทได้ทำการมอบเครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้า ให้กับหมู่บ้านป่าแงะ ม.5 ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย จำนวน 6 เครื่อง รวมถึงสาธิตวิธีใช้ให้คนในหมู่บ้านมีความเข้าใจในการใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวด้วย ซึ่งทางหมู่บ้านได้จัดงานรับมอบขึ้นที่ วัดป่าแงะ จ.เชียงราย โดยจะนำไปใช้เพื่อทำแนวป้องกันไฟป่าและดับไฟป่าในฤดูไฟป่าต่อไป

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    ครอบครัวครอบครัวในหมู่บ้านป่าแงะ จ.เชียงราย242 หลังคาเรือนคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากปัญหาหมอกควันที่ลดลง รวมทั้งรักษาพื้นที่ป่าสมบูรณ์ไว้ได้อีกด้วย
    รูปภาพการดำเนินโครงการ

     ภาพ : รับมอบเครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้า

     ภาพ : ตัวแทนรับมอบเครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้า

     ภาพ : ให้ความรู้และสาธิตการใช้เครื่องเป่าใบไม้ไฟฟ้า

    วิดีโอการดำเนินโครงการ

    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ONE MAN AND THE RIVER หนึ่งคนว่าย หลายคนให้

    สรุปผลการจัดซื้อOne Man And The River ให้กับโรงพยาบาลทั้งสองโดยมูลค่าสิ่งของที่เราจัดซื้อไปทั้งหมดคิดเป็น 92.5 ล้านบาท

    18 ตุลาคม 2023

    จากการว่ายน้ำเมื่อปลายปี 2565 ของโครงการ One Man And The River #หนึ่งคนว่ายหลายคนให้ ทำให้การระดมทุนได้เกินเป้าหมาย ต้นปีที่ผ่านมาคณะทำงานได้ดำเนินการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อส่งมอบให้กับโรงพยาบาลทั้งสองโดยมูลค่าสิ่งของที่เราจัดซื้อไปทั้งหมดคิดเป็น 92.5 ล้านบาท

    โรงพยาบาลนครพนม ได้เครื่องมือแพทย์ 11 รายการ ดังนี้

    1. ศูนย์ปฏิบัติการสวนหัวใจ 1 ศูนย์ ที่โครงการได้จัดซื้ออุปกรณ์ครบครัน ประกอบด้วย
      - เครื่องสวนหัวใจระนาบเดี่ยว
      - เครื่องอัลตร้าซาวด์หัวใจ 
      - เครื่องอัลตร้าซาวด์ชนิดดูเส้นเลือดหัวใจ
      - เครื่องตรวจวัดการแข็งตัวของเลือด 
      - เครื่องปั้มหัวใจไฟฟ้า
      - เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ
      - ระบบ IT ต่างๆ เพื่อให้การวิเคราะห์แม่นยำ 
      - งบประมาณเพื่อปรับปรุงสถานให้รองรับการใช้งาน
    2. เครื่องช่วยหายใจสำหรับเด็กชนิดความถี่สูงพร้อมชนิดควบคุมแรงดันและชนิดไม่สอดใส่ท่อ 1 เครื่อง สำหรับ PICU (ห้องไอซียูเด็ก)
    3. เครื่องเฝ้าติดตามการทำงานของหัวใจและสัญญานชีพ Monitor NIBP 1 เครื่อง สำหรับ PICU (ห้องไอซียูเด็ก)
    4. เครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมปริมาตรและแรงดันพร้อมระบบหย่าเครื่องอัตโนมัติ ขนาดกลาง จำนวน 5 เครื่อง
    5. เครื่องควบคุมการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ 20 เครื่อง
    6. เตียงผู้ป่วยสำหรับไอซียูปรับด้วยไฟฟ้า 3 Motor 12 เตียง
    7. เตียงผู้ป่วยสำหรับไอซียูปรับด้วยไฟฟ้าชนิด 4 motor ชนิดชนิดที่ชั่งน้ำหนักได้ 2 เตียง
    8. เตียงผู้ป่วยสำหรับไอซียูปรับด้วยไฟฟ้าชนิด 4 motor จำนวน 3 เตียง
    9. เตียงสำหรับผู้ป่วยควบคุมด้วยรีโมทคอลโทลที่นอนโฟม (Stroke) 12 เตียง
    10. เครื่องอัลตร้าซาวด์หัวใจ 1 เครื่อง
    11. เครื่องวัดความดันโลหิต 5 เครื่อง


    โรงพยาบาลแขวงคำม่วน ได้เครื่องมือแพทย์ 20 รายการ ดังนี้

    1. เครื่องช่วยหายใจเด็ก ชนิด nCPAP จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องช่วยหายใจสำหรับทารกที่มีภาวะหายใจลำบาก ภาวะหยุดหายใจ หรือหลังจากถอดท่อช่วยหายใจทางหลอดลม เพื่อช่วยให้ทารกหายใจเหนื่อยน้อยลง 
    2. เครื่องเฝ้าติดตามสัญญาณชีพชนิดข้างเตียงผู้ป่วย Bedside Monitor ที่สามารถติดตามภาวะการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต จำนวน 5 เครื่องเพื่อติดตั้งในห้อง ICU 
    3. เครื่องกระตุกหัวใจ AED จำนวน 3 เครื่อง เพื่อติดตั้งในห้องฉุกเฉิน รถกู้ชีพ 
    4. เครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติพร้อมขาตั้ง 12 เครื่อง เพื่อติดตามอาการคนไข้ในแผนกและวอร์ดผู้ป่วยในต่างๆ
    5. เครื่องวัดความดันชนิดสอดแขนจำนวน 3 เครื่อง เพื่อใช้แผนก OPD , ผู้ป่วยฉุกเฉิน
    6. เครื่องดึงคอ/ดึงหลัง (traction) จำนวน 1 เครื่อง สำหรับแผนกกายภาพบำบัดที่ปัญหาด้านกระดูกคอและสันหลัง
    7. เครื่องอัลตร้าซาวด์สำหรับกายภาพ จำนวน 2 เครื่อง แผนกกายภาพบำบัดเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านกล้ามเนื้อ
    8. หม้อต้มแผ่นประคบร้อน จำนวน 1 เครื่อง(แผนกกายภาพบำบัด)
    9. Infant Incubator 2 เครื่อง
    10. Radian Warmer 2 เครื่อง
    11. Surgical Light (อยู่ระหว่างการขนส่ง)
    12. Infusion Pump 5 เครื่อง
    13. Syringe Pump 5 เครื่อง
    14. ชุดกล้องส่องตรวจและผ่าตัดโพรงจมูลและท่อมซิล ENT Diagnostic Set 1 ชุด
    15. เครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง 1 เครื่อง
    16. ULTRASOUND 4 มิติ แผนกสูติ 1 เครื่อง
    17. เครื่องวัดการบีบตัวของมดลูก ครรภ์แฝด 1 ชุด
    18. ชุดกล้องส่องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ้พร้อมเครื่องล้างกล้องส่องตรวจ 1 เช็ต
    19. อุปกรณ์ผ่าตัดสมอง (เครื่องเจาะและตัดกะโหลกชนิดความเร็วสูง)
    20. Autocave เครื่องนึ่งฆ่าเชื้อขนาด 280 ลิตร

    ประมวลภาพการส่งมอบ


    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > I’m ABLE “โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม”

    เด็กนักเรียนพิการได้รับทุนการศึกษา 18 คน

    12 ตุลาคม 2023

    ตามที่มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (EDF) ได้ทำโครงการระดมทุน I’m ABLE “โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม” ผ่านเว็บไซต์เทใจดอทคอม ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 จนถึง วันที่ 30 มิถุนายน 2566 โดยมีเป้าหมายการระดมทุนอยู่ที่ 825,000 บาท สำหรับเด็กนักเรียน 150 คนๆละ 4,000 บาทนั้น

    หลังจากปิดโครงการแล้วสามารถระดมทุนได้เงินบริจาคทั้งสิ้น 103,427 บาท ซึ่งสามารถนำไปจัดสรรเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในจังหวัดต่างๆ ได้ทั้งหมด 18 ทุน

    ทุนการศึกษาจะมอบให้กับเด็กนักเรียนพิการที่มีความพิการทางร่างกายหรือพัฒนาการช้าแต่สามารถสื่อสารและเรียนหนังสือได้ เพื่อส่งเสริมเด็กนักเรียนพิการเหล่านั้นได้เรียนร่วมในโรงเรียนปกติกับนักเรียนทั่วไป เสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา ส่งเสริมการเรียนรู้การเข้าสังคมและช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ต่างๆ โดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครูและเพื่อนๆ ในโรงเรียน

    ก่อนการโอนเงินทุนการศึกษานั้น มูลนิธิ EDF ได้ร่วมมือกับโรงเรียนแต่ละโรงเรียนในการช่วยคัดเลือกเด็กนักเรียนที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

    • มีความพิการทางร่างกายหรือพัฒนาการช้า แต่สามารถสื่อสารและเรียนหนังสือได้
    • พ่อแม่ หรือผู้ปกครองมีฐานะยากจน แต่ประสงค์จะให้นักเรียนเข้าเรียนร่วมในโรงเรียนปกติ

    โดยพิจารณาร่วมกับจดหมายแนะนำตัวพร้อมรูปถ่ายที่ถ่ายคู่กับที่อยู่อาศัย และบัตรประจำตัวคนพิการ หลังจากพิจารณาข้อมูลเหล่านี้แล้ว ทางฝ่ายทุนการศึกษาจะทำการเช็คข้อมูลบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนแต่ละคนก่อนจะทำการโอนทุนการศึกษา (บางกรณีอาจจะโอนไปที่บัญชีธนาคารของโรงเรียนก่อน)

    หลังจากเงินทุนการศึกษาเข้าบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณครูที่ดูแลโครงการทุนการศึกษาจะทำการสแกนหน้าบัญชีธนาคารที่มีเงินเข้าและส่งมาในระบบของงานทุนการศึกษาของมูลนิธิเพื่อเป็นหลักฐานต่อไป 

    นักเรียนทุนที่ได้รับทุนการศึกษาจากโครงการ I am ABLE “โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม” จำนวน 18 คน จากจังหวัดต่างๆ ดังนี้ 

    จังหวัดนักเรียนที่ได้รับทุนจำนวนความพิการ
    กาฬสินธุ์3 คน
    • การเคลื่อนไหวและสมอง
    • การมองเห็น (มองแล้วเลือนราง)
    • การได้ยิน การเคลื่อนไหวและการเรียนรู้
    ขอนแก่น 1 คน
    • ร่างกายและการเคลื่อนไหว
    เชียงราย 1 คน
    • ร่างกายและการเคลื่อนไหว
    นครพนม1 คน
    • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง)
    นราธิวาส5 คน
    • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (นิ้วมือและเท้าผิดปกติ)
    • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (แขนผิดปกติ)
    • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (ขาผิดปกติ)
    • การได้ยิน
    • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (เท้าผิดปกติ)
    มุกดาหาร1 คน
    • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (เท้าไม่เท่ากัน เดินไม่สะดวก)
    ยะลา1 คน
    • ร่างกายและการเคลื่อนไหว
    สงขลา2 คน
    • การได้ยิน
    • การมองเห็น (ใส่ตาเทียม 1 ข้าง)
    ศรีษะเกษ1 คน
    • ร่างกายและการเคลื่อนไหว (นิ้วและกล้ามเนื้อเท้าผิดปกติ)
    อุบลราชธานี2 คน
    • การสื่อความหมาย (ปากผิดปกติ พูดไม่ชัด)
    • การได้ยิน (หูผิดปกติได้ยินเสียงไม่ชัดเจน)
    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

     เด็กชายณฐกร นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จังหวัดขอนแก่น
    " ผมขอขอบคุณผู้บริจาคใจบุญที่มอบทุนการศึกษานี้ให้แก่ผม ผมจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ผมชอบเรียนวิชาพลศึกษา หลังเลิกเรียนจะซ้อมเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ ทุกเย็น โตขึ้นผมอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนพี่เจ ชนาธิป ผมจะนำทุนการศึกษาจำนวน 4,000 บาทนี้ไปซื้อรองเท้านักเรียนและนำไปเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วยครับ "

     เด็กหญิงบัณธิดา แช่มชื่น นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จังหวัดกาฬสินธุ์
    จดหมายขอบคุณฉบับนี้เขียนโดย นางเรียมเพชร ผู้ปกครอง
    " น้องบัณธิดา กำลังเรียนอยู่ชั้นม.3 โรงเรียนเป็นโรงเรียนที่มีโครงการให้เด็กพิการเรียนร่วมกับเด็กปกติเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กกลุ่มเปราะบางนี้ น้องบัณธิดาอ่านเขียนและสะกดคำไม่ค่อยได้ พูดสื่อความหมายได้เข้าใจประมาณ 40% เขียนตามตัวอย่างได้ เรียนรู้เกี่ยวกับการแสดงออกได้ ดังนั้นจึงร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนๆได้ กิจกรรมที่น้องชอบคือวาดรูป ระบายสี และการเต้น สำหรับทุนการศึกษาที่ได้มาจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาการเรียนรู้ของน้องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค ซึ่งดิฉัน นางเรียมเพชร ผู้ปกครอง ขอขอบพระคุณผู้บริจาคอีกครั้งที่มอบโอกาสทางการศึกษาแก่น้องในครั้งนี้ "

     นายมูฮัมมัดฮัสซัน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จังหวัดนราธิวาส
    " ครอบครัวของผมมีทั้งหมด 5 คน คุณพ่อและน้องชายคนกลางก็มีความพิการเกี่ยวกับขาเหมือนกับผม สถานะของครอบครัวยากจน เนื่องจากคุณพ่อมีโรคประจำตัวต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อย ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน ทำให้ไม่มีรายได้ ต้องอาศัยเงินจากเบี้ยเลี้ยงคนพิการและเงินสวัสดิการแห่งรัฐเท่านั้น ความฝันของผม ผมอยากเรียนจบในระดับปริญญาตรีเพื่อนำความรู้มาประกอบอาชีพเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือพ่อแม่ ครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผมจะพยายามและอดทนต่ออุปสรรคต่างๆ ในชีวิตของผม หวังว่าสักวันความฝันของผมจะเป็นจริง และผมจะตั้งใจเรียนและนำเงินทุนการศึกษาที่ได้รับมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดครับ " 

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ 
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนทุกภาคในประเทศไทย18 คนเด็กนักเรียนพิการเรียนร่วมที่เป็นเป้าหมายในการช่วยเหลือของโครงการนั้น นอกจากจะมีความพิการเป็นอุปสรรคแล้ว ฐานะทางครอบครัวของเด็กๆ ยังยากจน เด็กๆ ไม่สามารถไปทำงานพิเศษในวันหยุดเพื่อช่วยเหลือครอบครัวได้เหมือนอย่างเด็กปกติ
    ทุนการศึกษานอกจากจะทำให้เด็กๆ มีเงินนำไปใช้ในด้านการเรียนและการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว การที่เด็กนักเรียนยังคงได้ไปโรงเรียนและใช้ชีวิตในโรงเรียนร่วมกับเด็กนักเรียนปกติคนอื่นๆ จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา เรียนรู้การเข้าสังคม การช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ต่างๆ โดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครูและเพื่อนๆ ในโรงเรียน ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของทัศนคติของคนทั่วไปที่มีต่อผู้พิการ ให้ยอมรับและเข้าใจว่าผู้พิการก็สามารถอยู่ร่วมกับทุกคนในสังคมได้


    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > Bye Bye Plastic Bags Thailand

    กิจกรรมให้ความรู้แก่เยาวชนในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม

    11 ตุลาคม 2023

    ในช่วง 10 ตุลาคม 2564 ถึง 10 ตุลาคม 2566 ทางทีม Bye Bye Plastic Bags Thailand ยังคงลงพื้นที่ไปยังชุมชน และโรงเรียนต่างๆ เพื่อให้ความรู้สำหรับเยาวชนในการดูแลรักษาโลก รวมควมช่วยเหลือตามโรงเรียน และชุมชนต่างๆ ดังนี้

    1. ชุมชนราชทรัพย์
    2. ศูนย์บริการสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร วงศ์สว่าง 19
    3. ชุมชนบางหญ้าแพรก
    4. โรงเรียนวัดบางหญ้าแพรก
    5. ชุมชนริมทางด่วนบางนา
    6. ชุมชนเมืองใหม่มาลัยทอง
    7. ชุมชนนิมิตรใหม่
    8. บ้านสันนาหนองบัว อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
    9. หมู่บ้านป่าสักน้อย อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
    10. ชายหาดบางแสน จังหวัดชลบุรี

    Bye Bye Plastic Bags Thailand ต้องขอขอบคุณผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ที่ได้ร่วมบริจาคให้กับทางโครงการ รวมทั้งขอขอบคุณทีมจิตอาสา ผู้นำชุมชน รวมทั้งชาวบ้านในชุมชนต่างๆ ที่ได้มีส่วนร่วมส่งเสริมให้เยาวชนตระหนักถึงความสำคัญและปัญหาสิ่งแวดล้อม สนับสนุนให้ลด ละ เลิก การใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

     " พวกหนูขอขอบคุณพวกพี่ๆ ที่มาทำโครงการปลูกผักให้หนู ทำให้หนูได้มีกิจกรรมทำและยังมีผักไว้ปลูกให้ครอบครัวได้กิน ยังเป็นการช่วยโลกให้มีออกซิเจนด้วย รอดูผลผลิตของพวกหนูนะคะ "

     " พวกหนูจะช่วยกันลดโลกร้อน ลดทิ้งขยะ แล้วทำโลกนี้ให้ดีขึ้นครับ/ค่ะ ขอขอบคุณพี่ๆ ที่ทำโครงการนี้ให้หนูมีความรู้มากขึ้น หนูจะได้ไปสอนคนที่บ้าน เช่น การแยกขยะเป็นต้น "

    รูปภาพการทำกิจกรรม

     ภาพ : กิจกรรมจิตอาสา เก็บขยะชุมชนบางหญ้าแพรก วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 " Bye Bye Plastic Bags Thailand " ร่วมกับ คณะครู นักเรียน โรงเรียนวัดบางหญ้าแพรก ร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสา ทำความสะอาด เก็บขยะบริเวณรอบๆชุมชนบางหญ้าแพรก เพื่อให้หมู่บ้านสะอาดและน่าอยู่มากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้เยาวชนตระหนักถึงปัญหาขยะพลาสติก การคัดแยกขยะ และการทิ้งขยะให้ถูกที่

     ภาพ : ทีม Bye Bye Plastic Bags Thailand ลงพื้นที่ชุมชนเมืองใหม่มาลัยทอง กรุงเทพมหานคร ให้ความรู้กับเยาวชนในชุมชน เกี่ยวกับโครงการลด ละ เลิก การใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง ประโยชน์และโทษของพลาสติก รวมทั้งการคัดแยกขยะก่อนทิ้ง

     ภาพ : WORLD CLEANUP DAY 2022 "วันทำความสะอาดโลก" (World Cleanup Day) ทีม Bye Bye Plastic Bags Thailand ลงพื้นที่ชุมชนนิมิตรใหม่ กรุงเทพมหานคร ให้ความรู้กับเยาวชนในชุมชน เกี่ยวกับโครงการลด ละ เลิก การใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง ประโยชน์และโทษของพลาสติก รวมทั้งการคัดแยกขยะก่อนทิ้ง ทั้งนี้ได้จัดกิจกรรมร่วมกับเยาวชนในชุมชน เก็บขยะบริเวณริมคลองหนึ่งตะวันออก เพื่อเป็นการอนุรักษ์คูคลอง รวมทั้งมุ่งหวังให้เยาวชนตระหนักถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

     ภาพ : วันอนุรักษ์ชายฝั่งทะเลสากล
    ทุกวันเสาร์ที่ 3 ของเดือนกันยายน กำหนดให้เป็น " วันอนุรักษ์ชายฝั่งทะเลสากล " จะมีอาสาสมัครจากทั่วโลกพร้อมใจกันร่วมทำความสะอาด เก็บขยะชายหาด ทะเลสาบ มหาสมุทร รวมไปถึงลำธารทั้งบกและใต้น้ำ มุ่งหวังให้ผู้คนมีความตระหนักเกี่ยวกับการอนุรักษ์และปกป้องมหาสมุทรและแม่น้ำของโลก
    ตามการประมาณการ มีขยะพลาสติกจำนวน 5.25 ล้านล้านชิ้นในมหาสมุทร ในขณะที่พลาสติกเหล่านี้บางส่วนถูกทิ้งลงทะเลโดยตรง บางส่วนก็ถูกพัดพาไปในทะเลจากชายฝั่ง ดังนั้นการทำความสะอาดชายหาด ก็เป็นการช่วยลดปริมาณขยะในทะเลได้อีกทางนึง
    ขยะที่พบได้ทั่วไปตามชายหาด ได้แก่ ก้นบุหรี่ กระดาษห่ออาหาร หลอดพลาสติก ฝาขวดพลาสติก และขวดเครื่องดื่มพลาสติก พลาสติกเป็นอันตรายอย่างยิ่งเนื่องจากไม่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ สภาพอากาศและรังสียูวีทำให้พลาสติกเหล่านี้แตกตัวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นจึงแทรกซึมเข้าสู่สิ่งแวดล้อม ผลที่ได้คือผลเสียต่อระบบนิเวศน์ทั้งทางชายหาดและทางทะเล

     ภาพ : วันที่ 16 กันยายน 2566 โครงการของเราได้สนับสนุนปลูกต้นไม้ผักสวนครัวริมรั้วจำนวน 100 ต้น ให้กับชุมชนราชทรัพย์ เพื่อเป็นการช่วยเหลือโลก ลดภาวะโลกร้อน ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับโลก อีกทั้งคนในชุมชนยังมีผลผลิตไว้รับประทานกันอีกด้วย ทางโครงการของเรามีความสุขใจอย่างยิ่งที่ได้ทำกิจกรรมครั้งนี้ ครั้งหน้าเราจะไปทำกิจกรรมกันที่ไหน ติดตามได้ทางเพจของเรานะคะ

    อ่านต่อ