ความเคลื่อนไหว

  • ความคืบหน้าโครงการ > ซ่อมแซมแพเพื่องานป้องกันทรัพยากรทางน้ำ ห้วยบิคลี่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

    ซ่อมแซมแพที่ปากน้ำห้วยบิคลี่ กาญจนบุรี

    9 เมษายน 2024

    ในการซ่อมแซมแพครั้งนี้ เป็นแพอาสาสมัครที่ใช้ร่วมกันทำงานเพื่องานป้องกันทรัพยากรทางน้ำ ทั้งพ่อแม่พันธุ์ปลาในธรรมชาติ สัตว์น้ำ และสัตว์ป่าในพื้นที่ โดยพื้นที่ตั้งของแพอยู่ที่ปากห้วยบิคลี่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

    ในช่วงก่อนฤดูฝนเราได้เดินทางเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหาย ประเมินการทำงาน ค่าใช้จ่าย และวางแผนการทำงานเพื่อการซ่อมแซมแพให้แล้วเสร็จก่อนช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงฤดูปลาวางไข่ที่จะมีอาสาสมัครและหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาทำงานภาคสนาม โดยมีทีมอาสาสมัครกลุ่มใบไม้จำนวน 6 คน เข้าพื้นที่สำรวจ และวางแผนการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยประมงฯ

    เดือนมิถุยายน-กรกฎาคม เป็นช่วงวางแผนระดมทรัพยากรการทำงาน และเปิดรับทีมอาสาสมัครที่มีทักษะช่าง โดยได้รับความร่วมมือจากกลุ่มอาสาด้วยสองมือ ได้ติดต่อเข้ามาร่วมเป็นอาสาสมัคร โดยในครั้งนี้มีทีมช่างอาสาเข้าร่วมวางแผนการทำงาน

    • เริ่มจากการรื้อถอนโครงสร้างที่มีการผุพัง โดยใช้อาสาสมัครร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ประมง ร่วมกันรื้อแพเก่าที่ได้รับความเสียหาย ใช้เวลา 3 วัน ในการทำงาน
    • ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มอาสาด้วยสองมือ นำทีมช่างอาสาจำนวน 15 คน เข้าร่วมปฏิบัติงาน ในการทำโครงสร้าง เปลี่ยนเสา คาน โครงสร้างสำคัญของแพ โดยขณะทำงานได้รับความร่วมมือจากหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) จนแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการทำงาน
    • การเข้าพื้นที่ทำงานของอาสาสมัคร ร่วมกับชาวบ้าน ช่างจากหน่วยประมง ในการก่อสร้างผนัง โต๊ะ ห้องน้ำ สุขภัณฑ์ โดยมีการจัดซื้ออุปกรณ์ วัสดุก่อสร้างในการทำงานเข้าไปเพิ่ม รวมทั้งมีการประชาสัมพันธ์ขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมในการซ่อมแซมแพ

    จนถึงช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน เป็นผู้ดูที่ปลาและสัตว์น้ำจะเริ่มวางไข่ ทีมอาสาได้เข้าพื้นที่ทำโครงการเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้พ่อแม่พันธุ์ปลา แพแห่งนี้ก็ได้ซ่อมแซมจนแล้วเสร็จ สามารถใช้งานได้ รองรับการทำงานของอาสาสมัครไม่น้อยกว่าปีละ 50 คน ด้วยดี

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

    “ ดีใจที่เห็นแพมีความแข็งแรงมั่นคง เพราะเป็นหนึ่งในอาสาสมัครที่ได้เข้าร่วมภารกิจทำงานกับกลุ่มใบไม้มาตั้งแต่แรก ๆ เห็นการทรุกโทรม ผุพังของแพ พร้อม ๆ กับประโยชน์ที่แพได้รองรับ ดูแล คนทำงาน ที่สามารถช่วยเหลืองานอนุรักษ์แม่ปลา เมื่อแพได้ถูกซ่อมแซมจึงทำให้เกิดความมั่นใจว่าการทำงานจะเกิดความยั่งยืน ทั้งต่อปลา แม่น้ำ และต่อเครือข่ายอาสาสมัครคนทำงานปกป้องปลาในฤดูมีไข่ ” คุณบัวลูกแก้ว ศักดิ์ชัชวาล อาสาสมัครที่ใช้งานแพ 

    “ รู้สึกได้ใช้ทักษะและความตั้งใจของตัวเอง ในการทำประโยชน์ เพราะการก่อสร้างหรือซ่อมแซมสถานที่ แพทำงาน จำเป็นต้องมีความเข้าใจงานช่าง รู้จักวัสดุ ในครั้งนี้มีโอกาสเข้าร่วมตั้งแต่การสำรวจความเสียหายและวางแผนการทำงานร่วมกับกลุ่มใบไม้และพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลแพ เมื่อแพซ่อมแซมเสร็จก็เหมือนเราได้เห็นความสำเร็จไปด้วย และเชื่อว่าแพที่ช่วยกันซ่อมจะสามารถใช้งานเกิดประโยชน์ และพร้อมรองรับการทำงานของผู้คนได้อีกหลายปี ” คุณอาทร จักรวาลมลฑล อาสาสมัครที่ใช้งานแพ

    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม






    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ผู้นำการเปลี่ยนแปลง Teach For Thailand 2023

    ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงในปีการศึกษา 2566

    9 เมษายน 2024

    ในปี 2566 มีผู้สมัครโครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่ 10 รวม 1,281 คน โดยผ่านการคัดเลือกและเข้าสอนในโรงเรียนรวม 80 คน

    ปัจจุบันในภาคเรียนที่ 2/2566 เรามีครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ 129 คน ทำงานใน 5 ภาค 54 โรงเรียน และพัฒนานักเรียนอยู่ 13,081 คน

    ตลอดทั้งปี 2566 เรามีครูผู้นำฯ ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2/2565 จนถึงภาคเรียนปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 182 คน ทำงานใน 5 ภูมิภาค 60 โรงเรียน และมีนักเรียนที่ได้รับประโยชน์ในทุกภาคเรียนรวมทั้งสิ้น 36,040 คน (เรียนกับครูผู้นำฯ ไปแล้ว 22,959 คน กำลังเรียนอีก 13,081 คน)

    เรามุ่งมั่นว่าในปี 2567 ไปจนถึง ปี 2569 เราจะคัดสรรครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงเข้าร่วมโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 300 คน เพื่อเข้าถึงนักเรียน 100,000 คน ใน 175 โรงเรียน และเครือข่ายศิษย์เก่าจะเข้าถึงนักเรียนได้อีก 500,000 คน โดยเราวางเป้าหมายที่จะขยายการทำงานผ่าน 3 เสาหลัก

    1. Grow เติบโตและขยายผลกระทบเชิงบวกจากการทำงานของเราผ่านการเข้าถึงเด็กนักเรียนให้ได้มากขึ้น โดยเรามีแผนจะขยายการทำงานไปสู่ชั้นประถม จากที่ปัจจุบันครูผู้นำฯ สอนเพียงระดับมัธยมต้น
    2. Accelerate เร่งขยายผลกระทบเชิงบวกจากการทำงานของศิษย์เก่าฯ ผ่านการสร้างความร่วมมือในกลุ่มศิษย์เก่า แทนการทำงานแบบต่างคนต่างทำหรือการเริ่มจากศูนย์ เพื่อให้เกิดโครงการที่พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกได้รวดเร็วขึ้น
    3. Imprint มุ่งมั่นผลักดันการศึกษาและเป็นแบบอย่างให้ชุมชน ด้วยการแบ่งปันแนวทางปฏิบัติและเครื่องมือต่างๆ ที่เราได้พัฒนามาตลอดระยะเวลาหลายปี ผ่านการทำงานของครูผู้นำฯ และศิษย์เก่าฯ
    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

     “ ครูเขาไม่ได้เดินเข้ามาสอนแล้วออกไป แต่เป็นครูในทุก ๆ สถานที่ ทุกช่วงเวลาของชีวิต ตอนเรียนม. 2 ทางโรงเรียนได้รับครูทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ เข้ามาเป็นครั้งแรก คือครูแขและครูกอล์ฟ ผมจึงได้รู้จักมูลนิธินี้ผ่านครูทั้งสองคน จากที่เคยออกไปเล่นช่วงเวลาพัก ก็ใช้เวลาว่างตรงนั้นมาพูดคุยกับครูแขครูกอล์ฟแทน เพราะได้แลกเปลี่ยนและมีกิจกรรมให้ทำตลอด ทำให้ผมได้ซึมซับกระบวนการ วิธีการทำงาน และการใช้ชีวิตแบบใหม่ ๆ กระบวนการสอนของครูแข เป็นการสอนที่ให้เด็กได้ลงมือทำและเรียนรู้ไปด้วยตัวเอง จากที่ไม่ชอบวิชานี้ กลายเป็นพวกผมชอบวิชาภาษาอังกฤษกันมาก ๆ ตอนม. 3 ครูแขได้ให้นักเรียนไปลองสัมภาษณ์ชาวต่างชาติ เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่สำหรับพวกผมเพราะตามปกติแล้วแทบไม่มีโอกาสได้เจอคนต่างชาติเลย และพี่แขพี่กอล์ฟไม่ได้สอนแค่คำศัพท์เท่านั้น แต่ยังสอนทักษะการตัดวิดีโอคลิปอีกด้วย แนวคิดของครูแขครูกอล์ฟที่ผมยังจดจำมาใช้จนวันนี้ คือการให้นักเรียนทุกคนมีโอกาสการเรียนรู้เท่ากัน ” น้องนรากร แก้วมณี (บีท) นักเรียนโรงเรียนวัดสังฆราชาที่ได้เรียนกับ ‘ครูแข’ ภรปภัช พิศาลเตชะกุล และ ‘ครูกอล์ฟ’ ศุภเกียรติ คุ้มหอยกัน ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่ 1 ปัจจุบัน บีทกำลังสอบใบประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูและฝึกสอนที่โรงเรียนวัดสังฆราชา

     “ ครูแพรวมีวิธีการสอนที่เข้าใจเด็ก เด็กคนไหนเรียนรู้ได้เยอะก็สนับสนุน เด็กกลุ่มไหนเรียนรู้ช้า ก็จะค่อย ๆ สอนจากขั้น 1 ไป 2 ทำให้เด็กตามคนอื่นทัน และไม่หงุดหงิดเวลาเด็กตามไม่ทัน เห็นน้องพยายามเข้าใจความต่างของนักเรียน เราก็คิดว่าบางทีเราก็ไม่เข้าใจเวลาเด็กทำไม่ได้ แต่จริง ๆ เด็กแค่มีความสามารถในการเรียนรู้ไม่เท่ากัน อย่างครูแพรวมีประสบการณ์ชีวิตเยอะ ก็จะไม่ได้เน้นสอนแต่วิชาการอย่างเดียว ในด้านการจัดการเรียนการสอน ก็มีลำดับชัดเจน มีการนำเข้าสู่บทเรียน และใช้สื่อหลากหลาย เช่น บางครั้งครูแพรวก็ใช้คลิปเสียงมาสอนภาษา กระบวนการเรียนการสอนใช้เทคโนโลยี เป็นประโยชน์และทันสมัย เราไม่ได้เป็นครูพี่เลี้ยงที่สอนเขาอย่างเดียว หลายครั้งเราก็ได้เรียนรู้จากเขาด้วย ” ครูกัญญา พุทธินาม (ตู่) ครูภาษาอังกฤษ โรงเรียนบ้านเจดีย์แม่ครัว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นครูพี่เลี้ยงของครูแพรว ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่ 9

     “ พี่รู้จักโครงการ ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ช่วงปี 63-64 ได้รู้ว่าครูที่มาสอนมาในชื่อ ‘ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง’ พอได้ฟังคำนี้แล้วมันมีพลัง อย่างมีน้องคนนึงจบจากรัฐศาสตร์ แล้วมาสอนคณิตศาสตร์ ตอนแรกเราคิดว่าวิชานี้จะเป็นข้อจำกัดของเด็กสายนี้ไหม ที่เขาไม่ถนัด แต่น้องเขาก็มุ่งมั่น ทำได้ดี พาทุกคนก้าวข้ามตรงจุดนี้ ทำให้เห็นว่าคนคนหนึ่งสามารถเรียนรู้ได้มากมาย ถ้าเราใส่ใจ นอกจากครูทีชจะเป็นผู้นำทางวิชาการแล้ว เขายังทำให้เด็กยอมรับ และกับครูพี่เลี้ยงก็ทำงานกันได้โอเค การร่วมงานกับเพื่อนครูก็ดี และเขาก็มีบ้านพักอยู่ใกล้โรงเรียน เมื่อมีกิจกรรมต่างๆในชุมชนก็มาร่วม อย่างกิจกรรมลงทะเบียนแอพ Thai D ของกระทรวงมหาดไทย มีการมาใช้พื้นที่ของโรงเรียน ให้นักเรียนและคนในพื้นที่มาลงทะเบียนใช้บัตรประชาชนผ่านทางออนไลน์ ครูทีชก็มาช่วยลงทะเบียนให้นักเรียน มีครูคนหนึ่งสอนคณิตศาสตร์ เขาก็ใช้ทุนชุมชนมาเกื้อกูลการศึกษาพานักเรียนไปเรียนที่สถานประกอบการทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แล้วสอนวางแผนทางการเงิน การลงทุน เจ้าของกิจการเองก็ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้ของเด็กในชุมชน เราอยากให้เด็กมีเหตุผล พอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน โดยใช้ทุกวิชาเป็นสื่อพาเด็กไปถึงจุดนั้น นอกจากนั้นยังส่งเสริมให้เด็กมุ่งมั่นและมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นทักษะของศตวรรษที่ 21 ซึ่งตรงนี้ต้องใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตัวครูผู้นำ พอได้เข้ามาก็มีโอกาสพัฒนาตนเอง เป็นผู้นำนำการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ธรรมดา แต่เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ จึงสามารถส่งต่อไปถึงเด็กได้ ครูแต่ละคนมีแนวคิด เจตคติที่ดี จึงพาจนเองเข้ามาสู่เส้นทางของการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ ” ผอ. ศิริพงษ์ จำใช้ ผู้อำนวยการโรงเรียนชิตใจชื่น จังหวัดปราจีนบุรี

    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม





    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > เย็บ ลด กดทับ-ที่นอนป้องกันแผลกดทับเพื่อผู้ป่วยติดเตียงบนดอย

    มอบที่นอนป้องกันแผลกดทับให้กับผู้ป่วยติดเตียง

    3 เมษายน 2024

    โครงการ “เย็บ ลด กดทับ” เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อประดิษฐ์ที่นอนป้องกันแผลกดทับให้กับกลุ่มผู้ป่วยติดเตียงยากไร้ ได้เข้าถึงและมีที่นอนป้องกันแผลกดทับใช้ ทดแทนที่นอนป้องกันแผลกดทับไฟฟ้าแบบเป่าลมที่มีราคาสูง อีกทั้งยังเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพพื้นที่และตอบโจทย์การใช้งานจริง

    ขณะนี้โครงการได้จัดทำการผลิตที่นอนป้องกันแผลกดทับไปแล้ว เป็นจำนวน 60 ผืน โดยได้รับความร่วมมือจากนักศึกษาจิตอาสา ปี 2 คณะคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จำนวน 5 คน เป็นผู้เย็บที่นอนฯ โดยนักศึกษาฯ ใช้เวลาเย็บในช่วงปิดภาคเรียนการศึกษา และทั้งนี้นักศึกษาจิตอาสาฯ จะยังคงทำการเย็บที่นอนป้องกันแผลกดทับต่อไปให้แล้วเสร็จ

    สำหรับที่นอนป้องกันแผลกดทับจำนวน 60 ผืน ที่เย็บเสร็จแล้วนั้น มูลนิธิกระจกเงาเชียงราย ( ป่วยให้ยืม@ติดดอย ) ได้ทำการส่งมอบให้กับ รพ.สต. แม่ยาว จำนวน 50 ผืน และ ผู้ญาติป่วยติดเตียงที่ติดต่อเข้ามาขอรับโดยตรง ทั้งในพื้นที่ อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอแม่สรวย อีกจำนวน 9 ผืน และอีก 1 ผืน เก็บไว้เป็นตัวอย่างเพื่อการเผยแพร่ความรู้กับกลุ่ม อสม. ในจังหวัดเชียงราย

    และจากสถานการณ์ จำนวนผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่ ยังคงมีผู้ป่วยฯ ที่มีความต้องการใช้ที่อนป้องกันแผลกดทับ อีกจำนวนมาก มูลนิธิฯ จะยังคงทำระดมทุน/ทรัพยากรในการผลิตและทำการเย็บที่นอนฯ เพื่อส่งต่อให้กับ รพ.สต.ในพื้นที่เป้าหมายที่กำหนดไว้ต่อไป

    สิ่งที่ได้รับจากการทำโครงการในครั้งนี้

    • ความสนใจและความร่วมมือจากภาคประชาชน ทำให้เกิดจิตอาสาในพื้นที่เพิ่มขึ้น 
    • ได้รับความสนใจจากหน่วยงานท้องถิ่นนอกพื้นที่เป้าหมาย เข้าขอรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ และอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ และ อสม. ในพื้นที่
    • ผู้ป่วยติดเตียงที่มีแผลกดทับ มีสภาพแผลฯ ที่ดีขึ้น และไม่เกิดแผลกดทับใหม่ขึ้นอีก ที่นอนมีการระบายอากาศได้ดี ดูแลง่าย ผู้ป่วยหลับสบายพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    ผู้พิการและผู้ป่วยผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่ อ.แม่จัน อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ยาว อ.แม่สรวย จังหวัดเชียงราย40 คนภาวะแผลกดทับที่เกิดขึ้นจากเดิมมีสภาพแผลที่ดีขึ้น มีการระบายอากาศอับชื้นได้ดี ไม่เกิดแผลกดทับกับผู้ป่วยติดเตียงรายใหม่
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม






    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ส่งน้องเข้าห้องเรียนธรรมชาติ

    ส่งน้องเข้าเรียนธรรมชาติที่ป่าชายเลนบางปู

    28 มีนาคม 2024

    โครงการ “ส่งน้องเข้าเรียนธรรมชาติ” ดำเนินการในวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2567 โดยมีนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนวัดราษฎร์นิยมธรรม จำนวน 28 คน ครู 3 คน รวมทั้งสิ้น 31 คน ในรูปแบบโปรแกรมหลักสูตรธรรมชาติศึกษา ระยะเวลาครึ่งวัน ในพื้นที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบกฯ (บางปู) จ.สมุทรปราการ

    รูปแบบกิจกรรมมีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เริ่มด้วยการแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่มย่อย เพื่อให้เข้าถึงนักเรียนทุกคน และนำไปสู่กิจกรรมเกมถามตอบเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในป่าชายเลนที่บางปู เป็นการประเมินความรู้พื้นฐานเบื้องต้นของนักเรียน และทำความรู้จักเกี่ยวกับระบบนิเวศป่าชายเลนผ่านการบรรยายเนื้อหา ก่อนพานักเรียนสำรวจและเรียนรู้ในห้องเรียนธรรมชาติป่าชายเลน เปิดรับประสบการณ์ใหม่จากทรัพยากรของจริงผ่านการสังเกตด้วยตา สัมผัสด้วยมือ การฟัง และการชิม รวมถึงการชี้ให้เห็นถึงปัญหาขยะตามแนวชายฝั่งทะเล นักเรียนจึงได้ช่วยกันเก็บขยะตามแนวป่าชายเลนเพื่อลดผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศ จากนั้นมาสรุปบทเรียนความรู้จากป่าชายเลนร่วมกันผ่านการทำใบงาน

    ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังการทำกิจกรรม นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทรัพยากรสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์ในป่าชายเลน และตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการดำรงอยู่ของระบบนิเวศป่าชายเลนเพิ่มขึ้น เมื่อประเมินจากการตอบคำถามก่อนการบรรยายเปรียบเทียบกับข้อมูลที่นักเรียนตอบในใบงาน สรุปว่านักเรียนได้เห็นถึงปัญหาขยะที่เกิดขึ้นในพื้นที่จริง รวมถึงผลกระทบของขยะในระดับพื้นที่ไปจนถึงระดับชาติ และได้ช่วยกันระดมความคิดเพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

     “ กิจกรรมสนุกและได้ความรู้ ทั้งเรื่องต้นไม้ และสัตว์ต่าง ๆ รวมถึงขยะทะเลที่มาจากแม่น้ำมาอยู่ที่บางปู และส่งผลกระทบต่อวาฬบรูด้าที่กินขยะทะเลแล้วกลายเป็นซากโครงกระดูกให้มาศึกษาที่บางปู ” เด็กหญิงธัญสิริ หวังดีน้องข้าวหอม

     “ กิจกรรมสนุก นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรม กิจกรรมน่าสนใจได้เรียนรู้เกี่ยวกับท้องถิ่นตนเอง วิทยากรให้ความรู้ได้ครอบคลุม พูดเพราะ อธิบายเก่ง นักเรียนเข้าใจง่าย และสิ่งที่ต้องการเพิ่มเติม คือ ต้องการให้ขยายกลุ่มนักเรียนให้เพิ่มขึ้นในระดับชั้นอื่น เพราะเนื้อหาดีมาก นักเรียนในระดับชั้นอื่นจะได้รู้จักท้องถิ่นของตนเอง ” นางสาวพิชญ์นรี แสนขัติ

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ 
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดราษฎร์นิยมธรรม จ.สมุทรปราการ 28 คนเด็กนักเรียนได้เรียนรู้ สัมผัส ระบบนิเวศ และสิ่งมีชีวิตในป่าชายเลนผ่านประสบการณ์ตรง ตระหนักรู้ถึงผลเสียของขยะที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ และร่วมระดมความคิดเพื่อช่วยลดปัญหาดังกล่าว
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม








    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ปันสุขให้น้อง ผ่านการปรับปรุงเครื่องกรองน้ำดื่ม

    ปรับปรุงเครื่องกรองน้ำดื่มโรงเรียนวัดกาหลง

    28 มีนาคม 2024

    วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2566 โครงการได้เริ่มดำเนินการปรับปรุงเครื่องกรองน้ำดื่ม ณ โรงเรียนวัดกาหลง ตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ มีผู้ดำเนินการปรับปรุงเครื่องกรองน้ำดื่มคือช่าง จำนวน 3 คน และมีผู้ที่ได้รับประโยช์คือนักเรียนโรงเรียนวัดกาหลง จำนวน 117 คน รวมถึงบุคลากรทางการศึกษาภายในโรงเรียนอีกจำนวน 10 คน

    สิ่งที่ได้รับจากการดำเนินการปรับปรุงเครื่องกรองน้ำดื่ม คือการที่นักเรียนและบุคลากรภายในโรงเรียนได้มีเครื่องกรองน้ำดื่มที่สะอาดไว้บริโภค เนื่องจากก่อนหน้าที่จะทำการดำเนินการ ระบบน้ำของเครื่องกรองน้ำที่มีอยู่ไม่ทำงานในการกรองน้ำออกมา แต่ถ้าหากปรับปรุงเสร็จ ก็จะทำให้ระบบน้ำของเครื่องทำงาน และเกิดการกรองน้ำออกมา ทำให้นักเรียน รวมถึงบุคลากรภายในโรงเรียนวัดกาหลงได้มีน้ำสะอาดในการบริโภค

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดกาหลง จ.สมุทรปราการ117 คนเด็กนักเรียนมีน้ำดื่มที่สะอาดในการบริโภค
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม






    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ส่งเด็กเก่งให้ไปต่อ!! ทุนการศึกษาเพื่อเด็กเรียนดี สู้ชีวิตเพราะความยากจน ปี2

    เด็กนักศึกษาได้รับทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 7 คน

    28 มีนาคม 2024

    มูลนิธิเรดิออนฯ เริ่มเปิดรับสมัครเด็กทุนในโครงการ Hope Scholarship ปี 4 โครงการมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กเรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โดยเรามุ่งเน้นเด็กที่มีความมุ่งมั่นในการกลับไปพัฒนาชุมชน และส่งมอบโอกาสที่ตัวเองได้รับไปยังผู้อื่นอีกมากมายในอนาคต

    ในปี 2023 มูลนิธิเรดิออนฯ ได้เริ่มเปิดรับสมัครนักเรียน/นักศึกษาทั่วประเทศ โดยประชาสัมพันธ์ผ่านมามหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงทางสื่อต่างๆ ของทางมูลนิธิฯ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้สมัครขอทุนจำนวนทั้งหมด 197 คน มีผู้ผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์รอบแรก จำนวน 60 คน โดยมีการสัมภาษณ์รอบแรกในระหว่างวันที่ 16-18 พฤษภาคม 2566 และมีผู้ผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์รอบสุดท้าย ในวันที่ 17 มิถุนายน 2566 จำนวน 16 คน โดยเกณฑ์การตัดสินใจที่เราพิจารณาจะเน้นเรื่องของความมุ่งมั่นในการเรียนที่จะทำให้ความฝันเป็นจริง และหัวใจที่อยากกลับไปพัฒนาชุมชนไม่ว่าจะเป็นชุมชนของตัวเอง หรือชุมชนที่ขาดโอกาสอีกมากมายในประเทศไทย

    โดยมีผู้ได้รับทุนการศึกษาในโครงการ Hope Scholarship ปี 4 จำนวนทั้งหมด 7 คน แบ่งเป็นทุนการศึกษา 10,000 บาท/เทอม จำนวน 3 คน และทุนการศึกษา 5,000 บาท/เทอม จำนวน 4 คน ซึ่งทุนการศึกษาที่เรามอบให้นี้เป็นทุนการศึกษาให้เปล่าที่จะครอบคลุมตลอดจนจบการศึกษา เพื่อให้นักศึกษาเหล่านี้สามารถมุ่งมั่นตั้งใจเรียนและทำตามความฝันได้ โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการศึกษา เนื่องจากยอดระดมทุนที่ได้รับผ่านทางเทใจ จำนวน 69,475 บาท ทางมูลนิธิเรดิออนฯ จึงสมทบยอดทุนการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้ครบตามจำนวนทุน 400,000 บาท

    และในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มูลนิธิได้จัดค่ายอาสาสำหรับนักศึกษาในโครงการ Hope Scholarship ภายใต้ธีม "Medical Mission Trip" ในระหว่างวันที่ 21-24 ธันวาคม 2566 ค่ายอาสาที่เราให้น้องๆ ในโครงการทุนของเราได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือทีมแพทย์อาสาจากประเทศสิงคโปร์ ในการเปิด Mobile Clinic ในชุมชนเข็กน้อย เราได้เห็นถึงความมุ่งมั่น หัวใจที่เสียสละ และพร้อมที่จะเรียนรู้ของน้องๆ ทุกคน และเราเชื่อว่าน้องๆ ทุกคนจะเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสังคมในอนาคต

    ค่ายครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่า โอกาสที่เรามอบให้กับน้องๆ ทุกคน กำลังเติบโต และผลิบาน นอกจากน้องๆ จะได้ช่วยเหลือทีมแพทย์อาสาแล้ว หนึ่งในเด็กทุนที่กำลังจะเรียนจบทันตแพทยศาสตร์ ยังได้ใช้ทักษะที่ได้เรียนมาช่วยตรวจเช็คฟันให้กับเด็กๆ ในโครงการของมูลนิธิ รวมถึงได้อบรมให้ความรู้กับเด็กๆ ในชุมชนเกี่ยวกับการแปรงฟันที่ถูกต้อง ร่วมกับทีมนักศึกษาทุนด้วยกัน

    มูลนิธิเรดิออนฯ ขอขอบคุณทุกการบริจาค ทุกการสนับสนุนที่ได้รับผ่านเทใจดอทคอมที่เป็นส่วนหนึ่งในการมอบโอกาสทางการศึกษาและสนับสนุนเด็กเก่งในโครงการ Hope Scholarship ปี 4 จำนวนทั้งหมด 7 คน ให้ได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี และทำตามความฝันของตัวเองได้ รวมถึงท่านได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเปลี่ยนแปลง เพราะเราเชื่อว่าเด็กเหล่านี้เมื่อเรียนจบไปแล้วในอนาคต พวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเปลี่ยนแปลงและพัฒนาสังคมของประเทศไทยให้ดีขึ้นได้ และเราเชื่อว่ายังมีนักเรียน/นักศึกษาอีกมาก ที่ยังขาดโอกาสทางการศึกษานี้ เราจึงเดินหน้าดำเนินโครงการในปีต่อๆ ไป เพื่อให้เด็กที่มุ่งมั่นและตั้งใจได้เรียนต่อ และสานฝันของพวกเขาให้เป็นจริง

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

    “ ความความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับทุนการศึกษาของมูลนิธิเรดิออนฯ ปีที่ผ่านมา ดิฉันรู้สึกขอบคุณที่เปิดโอกาสให้กับดิฉันในวันนั้นสำหรับดิฉันทุนนี้เข้ามาเพื่อเติมเต็มเสมือนเเสงเทียนที่จุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ขอบคุณที่มอบโอกาสให้ดิฉันได้เดินทางตามความฝันที่วาดไว้ตอนนี้ดิฉันเดินมาครึ่งทางเเล้วนะคะ ” นางสาวฮุสนา โบอุมา นักศึกษาจากสาขาการพัฒนาเด็กปฐมวัย คณะศึกษาศาสตร์ วิทยาลัยชุมชนปัตตานี (ศูนย์สายบุรี)

    “ หนูขอขอบคุณทางมูลนิธิเรดิออน และขอบคุณผู้ที่สนับสนุนทุนการศึกษาทุกท่านนะคะ ที่มอบทุนการศึกษาให้หนู ขอบคุณที่ทางมูลนิธิได้มอบโอกาสนี้ให้กับหนู ทุนการศึกษานี้เปรียบดังน้ำ ที่หยดลงมาช่วยให้ต้นไม้นี้ เติบโตได้อย่างงอกงามยิ่งขึ้น จากดินที่แห้งแล้งกลับกลายเป็นดินที่ชุ่มชื้น และดูแลต้นไม้ต้นนี้ด้วยความรัก ความอบอุ่น ความเอาใจใส่ ซึ่งมูลนิธิเรดิออนมิใช่เพียงผู้ที่ให้โอกาสในการศึกษา แต่เปรียบดั่งครอบครัวของหนูด้วยค่ะ ” นางสาวศศินา ยิ้มย่อง นักศึกษาจากสาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬา มหาวิทยาทักษิน วิทยาเขตพัทลุง

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนนักศึกษาในโครงการ Hope Scholarship ปี4 ในหลายจังหวัด ทั่วประเทศ
    7 คน
    • เด็กนักศึกษาในโครงการได้รับทุนการศึกษาสำหรับเรียนต่อในระดับปริญญาตรี โดยได้รับการสนับสนุนตลอดจนจบการศึกษา
    • นักศึกษาได้มีประสบการณ์ในการลงพื้นที่เป็นอาสาสมัคร เพื่อเรียนรู้งานพัฒนาชุมชน เรียนรู้บริบทของสังคม และได้เห็นสังคมในมุมมองที่แตกต่างออกไปผ่านค่ายอาสาที่ผ่านมา ทำให้น้องๆ ได้เห็นความยิ่งใหญ่และคุณค่าของการให้ การช่วยเหลือ และความรักที่พวกเขาสามารถส่งต่อให้กับชุมชนได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม






    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ปันน้ำใจ คนไร้บ้าน

    มอบสิ่งของสาธารณูปโภคแก่มูลนิธิสดชื่นสถาน

    28 มีนาคม 2024

    โครงการปันน้ำใจ คนไร้บ้านได้เปิดระดมทุนผ่านทางเว็บไซต์เทใจดอทคอม เพื่อนำเงินไปจัดซื้อเครื่องอุปโภคที่ขาดแคลน เนื่องจากพื้นที่ที่สนใจเป็นพื้นที่ที่มีกลุ่มคนไร้บ้านเป็นจำนวนมาก และมีเครื่องอุปโภคที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน และทางโครงการได้บรรลุเป้าหมายตามจำนวนเงินที่ตั้งไว้ได้สำเร็จลุล่วงอย่างรวดเร็ว โดยหลังจากได้เงินครบตามจำนวนก็ได้นำไปซื้อเครื่องอุปโภคตามแผนงบประมาณที่ตั้งไว้อย่างตั้งใจ เพื่อที่จะดำเนินการไปส่งมอบโดยตัวแทนโครงการ

    ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้ดำเนินโครงการปันน้ำใจ คนไร้บ้าน ได้นำสิ่งของสาธารณูปโภค เช่น ผ้าอนามัย น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม สบู่อาบน้ำ และแชมพูสระผม ได้เข้าไปส่งมอบสิ่งของต่างๆ ให้กับตัวแทนมูลนิธิสดชื่นสถานที่บริเวณแขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

    ท้ายสุดทางโครงการหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการได้ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนไร้บ้านให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งหากมีโอกาสก็อยากจะกลับมาเปิดระดมทุนกับทางเว็บไซต์เทใจดอทคอมอีกครั้ง

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

    “ รู้สึกขอบคุณและดีใจที่โครงการปันน้ำใจ คนไร้บ้านได้เข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนสิ่งของจำเป็น ซึ่งอยากให้มีการจัดทำโครงการแบบนี้อีก เพราะเป็นสิ่งของที่มีความจำเป็นแต่มักถูกมองข้ามและยังไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าความจำเป็นและไม่พอต่อคนไร้บ้านในพื้นที่ ” คุณเอ เจ้าหน้าที่ดูแลโครงการในพื้นที่

    “ รู้สึกดีเพราะมาใช้งานประจำ บริจาคเยอะก็ทำให้ได้มาใช้งานได้บ่อยๆ ” คุณบี คนไร้บ้านที่เข้ามาใช้บริการ

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ 
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    กลุ่มคนเปราะบางกลุ่มคนไร้บ้านที่มาใช้บริการสดชื่นสถาน บริเวณแขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร150 คนกลุ่มคนไร้บ้านได้รับและใช้บริการเครื่องอุปโภคที่จำเป็น มีสุขอนามัย ความสะอาด ที่ดีขึ้น
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม





    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > สนับสนุนกองทุนฟื้นฟูนกป่าล้านนา

    ดูแลและปล่อยนกป่ากลับคืนสู่ธรรมชาติ ปี 2565-66

    27 มีนาคม 2024

    กิจกรรมของกองทุนฟื้นฟูนกป่าล้านนา

    ครั้งที่วันที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมกิจกรรม
    1มิถุนายน 2566นักศึกษาคณะสัตวแพทยศาสตร์ชั้นปีที่ 6 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    งานวิจัยปัญหาพิเศษ หัวข้อการสำรวจปรสิตในนกป่าที่ได้รับการช่วยเหลือ 
    215 กรกฎาคม 2566นักศึกษาคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่งานบริการวิขาการหน่วยชันสูตรโรคสัตว์ การศึกษาการปรับสภาพนกในกรงเลี้ยงและการตรวจเพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อในสัตว์ปีก
    328 กรกฎาคม 2566บุคคลทั่วไปและนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่Bird walk & Open house เยี่ยมชมกระบวนการฟื้นฟูนกป่าภายในหน่วยฟื้นฟูนกป่าล้านนา ตั้งแต่การรับนกจนถึงการปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ
    43 สิงหาคม 2566นักศึกษาคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่งานบริการวิขาการหน่วยชันสูตรโรคสัตว์ การศึกษาและติดตามอาการนกกลุ่มนกเค้า
    5กรกฎาคม - ธันวาคม 2566อาจารย์และนักศึกษาพยาบาลสัตวแพทย์ และคณะสัตวแพทยศาสตร์

    กิจกรรมภาคสนาม-ปฏิบัติการในกระบวนวิชา

    • ทักษะปฏิบัติทางคลินิกช้างและสัตว์ป่า เพื่อฝึกฝนทักษะปฏิบัติการทางคลินิกและการแก้ปัญหาสุขภาพนกป่า
    • ปัญหาคลินิกปฏิบัติช้างและสัตว์ป่า ศึกษาการจัดเลี้ยงนกป่าที่ได้รับการฟื้นฟู การวินิจฉัยและการสังเกตพฤติกรรมนกป่า ขั้นตอนการฟื้นฟูนกป่า และการจัดการนกธรรมชาติในภาคเหนือ
    • พฤติกรรมและการจับบังคับสัตว์สำหรับสัตวแพทย์ ศึกษาพฤติกรรมสัตว์ปีกและงู รวมทั้งการจับบังคับและการตรวจร่างกาย
    • การจับบังคับสัตว์สำหรับพยาบาลสัตว์ ศึกษาการจับบังคับนกป่าเพื่อให้การช่วยเหลือและการทำหัตถการทางคลินิก เช่น การเก็บตัวอย่างเลือด

    การรับเข้าและปล่อยนกป่าที่ทำการช่วยเหลือในปี 2566

    ลำดับที่เดือนจำนวนนกที่รับเข้า (ตัว)จำนวนนกที่ปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ (ตัว)
    1มกราคม181
    2กุมภาพันธ์104
    3มีนาคม141
    4เมษายน281
    5พฤษภาคม384
    6มิถุนายน344
    7กรกฎาคม334
    8สิงหาคม1616
    9กันยายน112
    10ตุลาคม200
    11พฤศจิกายน175
    12ธันวาคม712
    รวม
    24654
    จำนวนนกที่ได้รับการช่วยเหลือของปี 2565-2566 

    สัดส่วนหลังการรักษานกจนสามารถปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ ของปี 2565-2566 

    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม


















    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ช่วยสุนัข-แมวแก่และพิการกับ มูลนิธิเดอะวอยซ์

    ช่วยเหลือสุนัขและแมวที่พิการให้มีชีวิตต่อ 42 ตัว

    27 มีนาคม 2024

    มูลนิธิเดอะวอยซ์นำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนไปช่วยเหลือสุนัขและแมวยากไร้ที่อยู่ในการดูแล 42 ชีวิต ในช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2566 เพื่อเป็นค่าอาหาร ค่ายารักษาพยาบาลต่างๆ ดูแลช่วยเหลือสุนัขและแมวพิการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มูลนิธิจึงต้องเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อให้สัตว์พิการเหล่านี้มีให้ชีวิตต่อไป


    ยกตัวอย่างเคสน้องข้าวมันไก่ สุนัขพิการที่เกิดจากพยาธิเม็ดเลือด ไม่ได้พิการจากอุบัติเหตุ เราไปพบเค้านอนอยู่ริมถนนอย่างน่าเวทนา ขยับตัวไม่ได้ แมลงวันตอม และเค้าก็นอนอยู่ด้วยความทรมานที่เคยเดินได้ แต่ไม่สามารถลุกขึ้นอีกแล้ว หนำซ้ำจากความพิการ คือขับถ่ายเองไม่ได้ ต้องดูแลด้วยการบีบกระตุ้น และยังมีน้องแมวโร้ด ถูกรถชนตั้งแต่วัยเพียง 2 เดือน หลังหัก ไม่สามารถผ่าตัดได้ ไม่สามารถขับถ่ายเองได้ ต้องใช้ชีวิตเป็นแมวพิการไปตลอดชีวิต

    และยังมีสัตว์ตัวอื่นๆที่เราต้องช่วยบีบขับถ่ายเหมือนกัน ที่ผ่านมามูลนิธิได้ช่วยเหลือสัตว์พิการและชรามาอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกเดือน ด้วยความพิการและชราสัตว์เหล่านี้จึงต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ จนกว่าจะหมดลมหายใจ

    ความประทับใจ


    คุณเก๋ ชลลดา สิริสันต์
    ประธานมูลนิธิเดอะวอยซ์(เสียงจากเรา) และเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิ ดำเนินการทำงานเกี่ยวกับการช่วยเหลือสัตว์มาร่วม 12 ปี
    "รู้สึกดีที่ได้ช่วยน้องๆสัตว์ยากไร้ ให้ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พวกเค้าพิการและแก่ชรา ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่สามารถอยู่ข้างถนนได้อีกแล้ว เราคงทนไม่ได้ถ้าต้องเห็นเค้านอนหายใจรวยรินอย่างโดดเดี่ยวที่ข้างทาง ไม่ใช่ทุกคนที่รักและเมตตาพวกเค้า บางคนเมินเฉยกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะตายต่อหน้าเลยด้วยซ้ำ บางเคสที่เราช่วยมา เค้านอนทุกข์ทรมานมานานกว่าเราจะพบและได้ช่วย บางเคสก็สายเกินไปที่ช่วยมาและหมดลมหายใจ ดั้งนั้นเคสที่มูลนิธิช่วยมาแล้ว เราทำทุกอย่าง ทั้งรักษา ดูแลเค้าให้ดีที่สุดและให้เค้าได้มีความสุขที่สุดเท่าที่สามารถ ขอบคุณเทใจที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้โอกาสคนเข้ามารู้จักเรา และบริจาคช่วยเหลือในกลุ่มสัตว์ชราและพิการค่ะ" 

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น

    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จำนวนความเปลี่ยนแปลง
    สุนัขและแมวยากไร้ที่โรงแรมบ้านเพราะรักในมูลนิธิเดอะว๊อยซ์42 ตัวสัตว์พิการ และชรา ได้รับการดูแล และให้การรักษาอย่างถูกสุขลักษณะ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

    ภาพประกอบ

    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ของใช้จำเป็นแก่เด็กที่เข้ารับการผ่าตัดปากแหว่งเพดานโหว่

    มอบ “Smile Bag” ให้กับผู้ป่วยที่ได้เข้ารับการรักษาในโครงการ จำนวน 353 คน

    26 มีนาคม 2024

    หลังจากการปิดระดมทุนของโครงการของใช้จำเป็นแก่เด็กที่เข้ารับการผ่าตัดปากแหว่งเพดานโหว่ และโครงการ“Smile Bag” ถุงสร้างรอยยิ้มให้ผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ที่กำลังเข้ารับการผ่าตัด มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ได้มอบ “Smile Bag” ซึ่งประกอบด้วย กระเป๋า สบู่ หวี แปรงสีฟัน ยาสีฟัน กระดาษทิชชู่ แป้ง แชมพู ผ้าขนหนู เป็นต้น ให้กับผู้ป่วยที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ แผลยึดติดหดรั้ง ที่เกิดจากแผลไหม้ นิ้วติด นิ้วเกิน รวมถึงความผิดปกติอื่นๆ บนใบหน้า ที่ได้เข้ารับการรักษาในโครงการต่างๆ โดยมีรายละเอียดตามข้อมูล ดังต่อไปนี้

    รายการจำนวน (ถุง)
    โครงการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โรงพยาบาลพะเยา จังหวัดพะเยา42
    โครงการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก
    103
    โครงการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด46
    โครงการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก112
    โครงการผ่าตัดแบบไม่จำกัดระยะเวลา โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น50
    รวม353

    มูลนิธิสร้างรอยยิ้มได้มอบ “Smile Bag” ให้กับผู้ป่วยในโครงการจำนวน 353 ราย

    โดยผู้ป่วยที่จะได้รับ Smile Bag” เมื่อผ่านการคัดกรองและได้รับการรับรองจากแพทย์ว่า ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ ทางมูลนิธิฯ จะมอบ “Smile Bag” เป็นของใช้จำเป็นที่ใช้ระหว่างเข้ารับการผ่าตัด

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์ 

     " ขอขอบคุณผู้บริจาค และผู้สนับสนุนทุกท่านได้มอบของใช้จำเป็นให้กับผู้ป่วยได้ใช้ระหว่างการเข้ารับการรักษา " มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม

     " ผมขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่มอบกระเป๋าสร้างรอยยิ้ม ให้ผมได้ใช้ระหว่างผ่าตัดมากๆ ครับ " น้องเอกพัชร

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ นิ้วติด นิ้วเกิน แผลยึดติดหดรั้ง ที่เกิดจากแผลไหม้ รวมถึงความผิดปกติอื่นๆบนใบหน้า ในโครงการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และโครงการผ่าตัดแบบไม่จำกัดระยะเวลา353 คนผู้ป่วยได้รับ “Smile Bag” ซึ่งประกอบด้วย กระเป๋า สบู่ หวี แปรงสีฟัน ยาสีฟัน กระดาษทิชชู่ แป้ง แชมพู ผ้าขนหนู เป็นต้น ในการใช้ระหว่างเข้ารับการผ่าตัด
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม


    อ่านต่อ