project เด็กและเยาวชน

รถรับส่งให้เด็กพิเศษไปโรงเรียน

โรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษ จัดตั้งโดยมูลนิธิพัฒนาเด็กและเยาวชนซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร มีนักเรียนพิเศษจำนวน 30 คน และเนื่องจากบ้านของนักเรียนเหล่านี้อยู่พื้นที่บนเขาห่างไกล พ่อแม่ไม่สามารถรับส่งบุตรหลานได้ ดังนั้นมูลนิธิฯ จึงได้จัดหารถโรงเรียนที่ไปรับส่งนักเรียนพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนพิเศษเหล่านี้สามารถได้ไปโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง

ระยะเวลาโครงการ 16 พ.ค. 2567 ถึง 30 ก.ย. 2567 พื้นที่ดำเนินโครงการ ระบุพื้นที่: อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร

ยอดบริจาคขณะนี้

17,981 บาท

เป้าหมาย

138,600 บาท
ดำเนินการไปแล้ว 13%
92 วัน จำนวนผู้บริจาค 47

โรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษ จัดตั้งโดยมูลนิธิพัฒนาเด็กและเยาวชนซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร มีนักเรียนพิเศษจำนวน 30 คน และเนื่องจากบ้านของนักเรียนเหล่านี้อยู่พื้นที่บนเขาห่างไกล พ่อแม่ไม่สามารถรับส่งบุตรหลานได้ ดังนั้นมูลนิธิฯ จึงได้จัดหารถโรงเรียนที่ไปรับส่งนักเรียนพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนพิเศษเหล่านี้สามารถได้ไปโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง

ปัญหาสังคมและวิธีการแก้ไขปัญหา

อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร มีสภาพพื้นที่เป็นภูเขาธุรกันดาร อยู่ไกลจากตัวเมืองชุมพรซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัด ทำให้เด็กนักเรียนพิเศษในเขต อ.พะโต๊ะไม่สามารถเข้ารับบริการได้ มูลนิธิพัฒนาเด็กและเยาวชนเล็งเห็นความสำคัญของเด็กพิเศษที่ด้อยโอกาสเหล่านี้ จึงได้จัดตั้งโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษและศูนย์การเรียนรู้ มูลนิธิพัฒนาเด็กและเยาวชน โดยให้บริการการเรียนการสอนฟรีแก่เด็กพิเศษในวันจันทร์-ศุกร์ และเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็กทั่วไปในวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ด้วยสภาพพื้นที่และฐานะทางบ้านของเด็กพิเศษก็ไม่ดี พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องทำงานในไร่ในสวนไม่สามารถรับส่งบุตรหลานได้ ดังนั้นมูลนิธิจึงขอความสนับสนุนรถโรงเรียน และได้รับการบริจาคจากเพื่อนที่ปั่นจักรยานระดมทุนจากเนเธอร์แลนด์ถึงอิตาลี่ ในปี พ.ศ. 2556 และมีค่าใช้จ่ายรายปีประมาณ 308,000 บาท เป็นค่าประกันรถ ค่าน้ำมัน ค่าตรวจสอบสภาพและซ่อมแซม ค่าคนขับรถ และพี่เลี้ยงดูแลเด็กบนรถ

โรงเรียนเด็กพิเศษ มูลนิธิพัฒนาเด็กและเยาวชน เปิดสอนตลอดทั้งปี ไม่มีการหยุดภาคเรียน เปิดสอนตั้งแต่อายุ 2-25 ปี อนุบาลถึงมัธยมโดยมีหลักสูตรการเรียนการสอน 5 ด้าน

1. ส่งเสริมด้านวิชาการการคิดเลข การอ่าน เขียน Education Development

2. ส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย Physical Development

3. ส่งเสริมพัฒนาการด้านจิตใจ อารมณ์ Emotional Development

4. เรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวัน Daily Life Skills

5. การฝึกอาชีพ Occupational trainning

ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งหมด 30  คน มีความบกพร่องแตกต่างกันไป ดังนี้ ดาวน์ซินโดรม 3 คน, เรียนรู้ช้า 15 คน, ออทิสติก 6 คน, พิการทางการเคลื่อนไหว 2 คน และพิการทางการได้ยิน 4 คน 

น้องแมน นาศิริวัฒนา อนุมาศ ปัจจุบัน อายุ 18 ปี

น้องเริ่มเข้ามาที่มูลนิธิเมื่อวันที่ 19 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ตอนที่น้องเริ่มเข้ามาด้วยอาการอยู่ไม่นิ่ง อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เวลาที่น้องเล่นจะเล่นแรงไม่รู้จักเบาแรง แต่จิตใจอ่อนโยน ไม่ชอบเสียงร้องไห้ ถ้าได้ยินเสียงใครร้องไห้น้องจะคิดว่าคนๆนั้นเจ็บแล้วจะเข้าไปช่วยปลอบให้หยุดร้อง สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่จะเรียนช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน

เป้าหมายของผู้ปกครองคืออยากให้ทางมูลนิธิดูแลน้องแมน เขาเริ่มเข้ามาตอน 6 ขวบ และเมื่อมากทำกิจกรรมกับมูลนิธิเขาสามารถรับผิดชอบตนเองและมีสมาธิในการทำกิจกรรมมากขึ้น เมื่อน้องแมนมาได้ร่วมกิจกรรมที่มูลนิธิและได้พาน้องไปตรวจสุขภาพด้านพัฒนาการเพื่อจะได้ดูแลและส่งเสริมให้ถูกทาง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครอง ทีมแพทย์ นักจิตวิทยา และทางโรงเรียนในชุมชน น้องแมนได้รับการประเมินจากแพทย์ว่าเป็นสมาธิสั้น สติปัญญาช้าและเป็นออทิสติกอย่างอ่อน น้องได้มาปรับพฤติกรรมด้านสมาธิ การช่วยเหลือตัวเอง และการอยู่ร่วมกับเพื่อนๆ ในชุมชน เริ่มแรกน้องมาเรียนที่มูลนิธิ 2 วัน ไปเรียนโรงเรียนในชุมชน 3 วัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะสังเกตุพฤติกรรม ประสานงานกับทางคุณครูที่โรงเรียนในแต่ละปี น้องแมนจะทยอยกลับสู่โรงเรียนในชุมชนตอนอยู ป. 5 และเกิดเหตุการณ์พ่อแม่แยกทางกัน น้องแมนจึงอาศัยอยู่กับพ่อและปู่ตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน หลังจากจบชั้นประถมศึกษา เข้าสู่ระดับมัธยมต้น ได้เข้าเรียนโรงเรียนในชุมชนทั้ง 5 วันตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ โดยมูลนิธิยังคงดูแลด้านสุขภาพ เยี่ยมบ้านและโรงเรียนเทอมละครั้ง น้องแมนเป็นเด็กที่รักการอ่าน วิชาที่ชอบคือประวัติศาสตร์ พุทธศาสนา เป็นต้น หลังจากน้องจบระดับมัธยมศึกษาต้อนต้น ทางมูลนิธิได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ปกครองเรื่องการเรียนต่อของน้องเนื่องจากทางโรงเรียนเดิมที่น้องเรียนไม่มีระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย น้องแมนมีความต้องการที่จะบวชเรียน แต่เนื่องจากทางบ้านอาศัยอยู่แค่ 3 คน และคุณพ่อเป็นห่วงหากต้องไปเรียนโรงเรียนที่ไกลบ้าน เป็นห่วงในเรื่องการคบเพื่อนและเรื่องยาเสพติด จึงได้ขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ ให้ช่วยพูดกับน้องแมนว่าเป็นไปได้หรือไม่ถ้าน้องแมนมาเรียนฝึกอาชีพที่มูลนิธิและเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่การศึกษานอกระบบ หลังจากพูดคุยตกลงกันเรียบร้อยน้องแมนก็ได้เรียนต่อที่การศึกษานอกระบบ(กศน.) ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และควบคู่ไปกับการฝึกอาชีพที่มูลนิธิ ปัจจุบันน้องแมนกำลังจะจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในปีการศึกษา 2567 ความฝันของน้องคืออยากเรียนต่อด้านอาชีพครูอยากจะเป็นครูเพื่อกลับมาสอนน้องๆ เด็กพิเศษหรือกลับมาทำงานที่มูลนิธิพัฒนาเด็กและเยาวชน

น้องเฟม นางสาวยศวดี ทองแก้ว ปัจจุบันอายุ 23 ปี

ก่อนที่น้องเฟมจะเข้ามาที่มูลนิธิ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิได้ลงพื้นที่ โดยได้รับการติดต่อจากผู้ปกครองและญาติของน้องเฟม น้องเข้ามาฝึกที่มูลนิธิเมื่อปี พ.ศ.2558 เนื่องด้วยน้องขาดออกซิเจนตอนเป็นทารก สมองถูกทำลายไปส่วนหนึ่ง ทำให้พัฒนาการด้านการเรียนรู้ล่าช้า น้องเฟมได้เข้าเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาแต่ไม่สามารถเข้าโรงเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นได้ เนื่องจากหากเกิดความเครียดหรือกดดันตนเองมากเกินไปจะทำให้น้องมีอาการชักจึงไม่สามารถไปเรียนโรงเรียนในชุมชนกับเพื่อนรุ่นเดียวกันได้ หลังจากน้องมาทำกิจกรรมที่มูลนิธิได้ 3 ปี และได้เข้ารับการตรวจพัฒนาการด้าน IQ และ EQ ตอนปี 2561 ผลตรวจแจ้งว่าน้องมีระดับสติปัญญาอ่อนมาก ตอนที่น้องเข้ามาที่มูลนิธิแรกๆนั้นทางมูลนิธิได้ดูแลน้องในด้านสุขภาพก่อน และหลังจากน้องมีอาการที่ดีขึ้นได้กระตุ้นพัฒนาการและปรับพฤติกรรมเกี่ยวกับการอยู่ร่วมในสังคมได้ ไม่กลัวผู้คน มีความสุขกับการเรียนและการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้มากขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการพูดคุยกับผู้ปกครองในการหาแนวทางเพื่อการศึกษาต่อ เมื่อเด็กและผู้ปกครองเห็นช่องทาง เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปปรึกษากับผู้บริหารและครูจากศูนย์การศึกษานอกระบบในอำเภอ เรื่องการศึกษาของน้องเฟมสามารถให้น้องกลับไปเรียนในระดับมัธยมตอนต้นได้หรือไม่ ทางคณะครูและผู้บริหารของศูนย์การศึกษานอกระบบยินดีรับน้องเฟมเข้าเรียนต่อได้

ปัจจุบันน้องเฟมกำลงศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของศูนย์การศึกษานอกระบบ (กศน) ด้านสุขภาพน้องยังคงต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องในเรื่องของระบบการหายใจ ลมชัก ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี มูลนิธิยังคงให้การสนับสนุนช่วยเหลือน้องในเรื่องของค่าเดินทาง ค่าที่พักทุกครั้งในการเดินทางพบแพทย์เนื่องจากน้องอาศับอยู่กับแม่ที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว พ่อเสียชีวิตตั้งแต่น้องยังไม่เกิด

 ความฝันของน้องคืออยากเปิดร้านขายเครื่องดื่มเป็นของตนเอง ในอนาคตทางมูลนิธิฯ มีความตั้งใจในเรื่องการส่งเสริมด้านการศึกษาต่อทางด้านคอมพิวเตอร์เพราะเห็นในความสามารถของน้องเฟม ส่วนด้านการส่งเสริมอาชีพปัจจุบันน้องได้เรียนรู้เรื่องของการถ่ายเอกสารและการชงเครื่องดื่มในศูนย์ฝึกอาชีพและเวลาออกบู๊ทกิจกรรมงานต่างๆ เป้าหมายของมูลนิธิคืออยากให้น้องมีจุดยืนและสามารถดูแลรับผิดชอบตนเองได้


ขั้นตอนการดำเนินโครงการ

1. ระดมทุนสำหรับโครงการ เพื่อนำเงินที่ได้รับบริจาคไปเป็นค่ารถ

2. ดำเนินกิจกรรมพารถไปรับนักเรียนเพื่อมาโรงเรียน และซ่อมบำรุงเพื่อให้ใช้งานได้

3. สรุปผลการดำเนินการ

ผู้รับผิดชอบโครงการ

มูลนิธิพัฒนาเด็กและเยาวชน

ไม่มีข้อมูล

แผนการใช้เงิน

ลำดับ รายการ จำนวน จำนวนเงิน (บาท)
1 ค่าน้ำมันเดือนละ 12000 บาท 4 เดือน 48,000.00
2 ค่าประกันภัยรถยนต์ 1 ปี 18,000.00
3 ค่าจ้างคนขับรถเดือนละ 10000 บาท 4 เดือน 40,000.00
4 ค่าพี่เลี้ยงดูแลนักเรียนบนรถเดือนละ 5000 บาท 4 เดือน 20,000.00
รวมเป็นเงินทั้งหมด
126,000.00
ค่าธรรมเนียมของเทใจ (10%)
12,600.00

ยอดระดมทุน
138,600.00

บริจาคให้
รถรับส่งให้เด็กพิเศษไปโรงเรียน

จำนวนเงิน
ช่องทางการชำระเงิน

ชำระผ่านการ สแกน/อัพโหลด QR code ด้วย mobile banking application ของ ธนาคารไทยพานิชย์ ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรี ธนาคารกสิกร ธนาคารออมสิน

คุณจะได้ QR code หลังจากยืนยันการบริจาค

ใบเสร็จเพื่อลดหย่อนภาษี

การบริจาคด้วย QR Code ชื่อ- นามสกุลบนใบเสร็จเพื่อลดหย่อนภาษีจะเป็นชื่อเจ้าของบัญชี Mobile banking
ระบุเพื่อใช้สำหรับส่งอีเมลยืนยันการบริจาค
ระบุเพื่อใช้สำหรับส่งอีเมลยืนยันการบริจาค

สำเนาใบเสร็จจะส่งไปทางอีเมลของคุณ หลังจากการบริจาคสำเร็จแล้ว


ข้อมูลบัตรจะถูกดำเนินการอย่างปลอดภัยด้วยผู้ให้บริการที่ผ่านมาตรฐาน PCI-DSS Compliant Omise logo

ชวนเพื่อนมาบริจาคผ่าน