SHero กองทุนช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่ผู้เสียหายจากความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ
ผู้เสียหายจากความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศมีอุปสรรคในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม หากผู้เสียหายเป็นกลุ่มชายขอบที่มีอุปสรรคทางภาษาและฐานะยากจนแล้วนั้น ตลอดเวลาที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอุปสรรคเหล่านี้จะทวีคูณทับซ้อนมากขึ้น กองทุนนี้จึงจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนทีมทนายความและอาสาสมัครสหวิชาชีพ SHero เพื่อช่วยเหลือด้านกฎหมายและจิตใจ
ระยะเวลาโครงการ 01 ม.ค. 2567 ถึง 15 มี.ค. 2568 พื้นที่ดำเนินโครงการ ทั่วประเทศ
ยอดบริจาคขณะนี้
133,182 บาทเป้าหมาย
1,181,400 บาทปัญหาสังคมและวิธีการแก้ไขปัญหา
ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ โดยเฉพาะความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงระหว่างคู่รัก มีรากปัญหามาจากบรรทัดฐานทางเพศที่นำไปสู่การกดทับเชิงอำนาจ ความรุนแรงรูปแบบดังกล่าวไม่เพียงแต่เกิดขึ้นระหว่างปัจเจกแต่เป็นความรุนแรงเชิงระบบเนื่องจากค่านิยมสังคมและวัฒนธรรมที่ยังคงมีอคติทางเพศ ความไม่เท่าเทียมและการเลือกปฏิบัติ ซึ่งความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศมีความละเอียดอ่อนซับซ้อน หากผู้บังคับใช้กฎหมายขาดองค์ความรู้และทัศนคติที่ถูกต้องไม่เข้าใจผลกระทบทางด้านจิตใจต่อผู้ประสบเหตุ อาจส่งผลให้ผู้เสียหายไม่ได้รับการคุ้มครอง ถูกกระทำซ้ำและอาจมีความเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
อคติและการตีตราของสังคม ประกอบระบบยุติธรรมที่ไม่เป็นมิตร จึงเป็นอุปสรรคต่อผู้เสียหายในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น การจัดให้มีบริการความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้เสียหาย รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความเข้าใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจของผู้เสียหายที่จะออกจากความรุนแรงและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ข้อมูลจากรายงานข้อมูลสถานการณ์ด้านความรุนแรงในครอบครัวสำหรับการรายงานตามมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ประจำปี 2564 ของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ผู้เข้ารับบริการที่ศูนย์พึ่งได้ จำนวน 16,672 ราย เฉลี่ยจำนวน 46 ราย/วัน ในจำนวนเหล่านี้เป็นผู้ถูกกระทำความรุนแรงที่เป็นเพศหญิงมากที่สุดมีจำนวน 15,056 ราย ในขณะที่ผู้ชายมีจำนวน 1,605 ราย และอีก 11 รายเป็นสมาชิกชุมชนหลากหลายทางเพศ ส่วนในปี 2565-2566 นั้น จำนวนผู้เสียหายยังคงมีแนวโน้มที่สูงขึ้น เห็นได้จากข้อมูลสถิติความรุนแรงในครอบครัวในรอบ 7 ปี ระหว่างปีงบประมาณ 2559-2565 ประกอบกับรายงานการช่วยเหลือผู้เสียหาย ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 ถึงกันยายน 2566 ของศูนย์ปฏิบัติการกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ซึ่งพบว่า มีผู้เสียหายแล้วทั้งหมด 2,312 ราย
อย่างไรก็ตามข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่ไม่ได้สะท้อนความยิ่งใหญ่ของปัญหาทั้งหมด เนื่องจากยังมีผู้เสียหายจากความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศอีกจำนวนมากที่ไม่ถูกบันทึกอยู่ในระบบของรัฐ เนื่องด้วยเหตุผลทางสังคมและความไม่เป็นมิตรของกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้ฐานข้อมูลในระบบของรัฐยังขาดการบูรณาการเชื่อมต่ออย่างชัดเจน แต่ที่เห็นได้ชัดคือตัวเลขจากศูนย์พึ่งได้มีจำนวนหลักหมื่น แต่จำนวนผู้ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมมีเพียงหลักร้อยเท่านั้น เช่นในปี 2564 มีจำนวนคดีการกระทำความรุนแรงในครอบครัว 85 คดี แบ่งเป็นการร้องทุกข์ จำนวน 84 คดี และไม่ร้องทุกข์ จำนวน 1 คดี โดยมีการออกคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ จำนวน 5 คำสั่ง และมีการยอมความ
ชั้นสอบสวน จำนวน 1 คำสั่ง ส่วนข้อมูลของสำนักงานอัยการสูงสุด แสดงจำนวนคดีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว ที่เข้าสู่กระบวนการของอัยการในชั้นพนักงานอัยการ แบ่งเป็น สั่งฟ้อง จำนวน 282 เรื่อง ไม่ฟ้อง จำนวน 3 เรื่อง ยุติคดี (ยอมความ) จำนวน 10 เรื่องและใช้มาตรการตามมาตรา 10 จำนวน 6 เรื่องและสำนักงานศาลยุติธรรมมีคดีฟ้องศาลโดยตรงในปี 2564 มีจำนวน 168 คดี และออกคำสั่งกำหนดมาตรการ/วิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ ตามมาตรา 10 วรรคสอง จำนวน 22 คำสั่งเท่านั้นจากสถิติทั่วประเทศ
ขับเคลื่อนเพื่อยุติความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศโดยมีผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง
SHero ริเริ่มในปี 2559 โดยผู้ผ่านพ้นจากความรุนแรงในคู่รักและพบข้อท้าทายมากมายในการขอความช่วยเหลือจากรัฐและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ข้อท้าทายเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการริเริ่มโครงการ โดยขณะนั้น SHero เริ่มขึ้นในพื้นที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งมีผู้หญิง เด็ก และชุมชนชายขอบที่ยังไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือจำนวนมาก การเรียนรู้จากการทำงานให้ความช่วยเหลือกฎหมายในพื้นที่ชายขอบร่วมกับเครือข่ายสหวิชาชีพ และองค์กรพัฒนาชุมชนในพื้นที่ที่ผู้เสียหายมักถูกกีดกันออกจากระบบและเหลือปฏิบัติ ทำให้ SHero สามารถเห็นช่องว่างในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างชัดเจนและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อเผยแพร่สร้างความตระหนักรู้และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายให้ผู้เสียหายเป็นศูนย์กลางในการให้บริการ (Survivor-Centred Approach)
ตลอดเวลา 7 ปีที่ผ่านมา SHero ได้ขยายพื้นที่ในการทำงานมากขึ้น มีการพัฒนาการให้คำปรึกษาและให้องค์ความรู้ผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ โดยเฉพาะกรณีความรุนแรงระหว่างคู่รักและความรุนแรงในครอบครัว ต่อมาเมื่อมีการอบรมทนายความและผู้จัดการรายกรณีด้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ กลุ่มอาสาสมัครจึงทำงานร่วมกันโดยสละเวลานอกเวลางาน ช่วยกันให้คำปรึกษาผู้ประสบเหตุผ่านช่องทางออนไลน์ (Line Official Account @sherothailand) และการลงพื้นที่ในคดีที่ท้าทาย ตลอดจนร่วมวางแผนเพื่อความปลอดภัยและดำเนินการทางคดีเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพและสิทธิในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของผู้เสียหาย
อย่างไรก็ตามการทำงานในลักษณะอาสายังมีข้อจำกัด ทำให้เราต้องปิดรับเคสชั่วคราวจนกว่าจะหาทรัพยากรและบุคลากรประจำการได้ เนื่องจากเรายังมีคดีที่ทีมเรายังดูแลอยู่จำนวนหนึ่ง การปิดรับเคสเพิ่มจึงมีความจำเป็น ผู้ประสบเหตุความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศที่เราทำงานอยู่ด้วย มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจจากเหตุการณ์และจากระบบกระบวนการยุติธรรมเสียเอง ในขณะเดียวกันเราได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากผู้เสียหายโดยตรง บริษัท ภาคเอกชน ตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศที่ส่งต่อเคสมาขอความช่วยเหลือจากชีโร่ ในขณะที่ชีโร่ไม่มีงบประมาณหลัก ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำ ขับเคลื่อนด้วยกลุ่มอาสาสมัครแบบสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นความสำคัญในการสร้างทรัพยากรเพิ่มขึ้นเพื่อให้ระบบของเราแข็งแรง ทำให้เราสามารถสนับสนุนผู้เสียหายจากความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน SHero ยังคงเป็นหนึ่งในไม่กี่เครือข่ายในประเทศทไทยที่มีนักปฏิบัติการด้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศแบบสหวิชาชีพ ประกอบไปด้วยทนายความ นักสังคม นักจิตวิทยาและผู้จัดการรายกรณีที่ผ่านการอบรมและสื่อสารได้หลายภาษา ทีมของพวกเรามีประสบการณ์ตรงในการให้การสนับสนุนผู้เสียหายที่มีบาดแผลทางจิตใจมาอย่างยาวนาน เรามุ่งหวังว่าจะทำการพัฒนาข้อมูลที่เราได้เรียนรู้ผ่านการทำงานไปเผื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายอย่างยั่งยืน ให้นโยบายและกระบวนการยุติธรรมให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพและความปลอดภัยของผู้เสียหายเป็นสำคัญ ตามหลักผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง (survivor-centred approach)
ด้วยการสนับสนุนผ่านการระดมทุนในครั้งนี้ ภาคีเพื่อความยุติธรรมทางเพศ ของ SHero ไม่เพียงแต่จะสามารถให้การสนับสนุนทางกฎหมายแก่ผู้เสียหายได้เพิ่มขึ้น แต่พวกเรายังทำงานพัฒนาฐานข้อมูลและองค์ความรู้ที่จะมุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงวิชาการและนโยบายเพื่ออุดช่องว่างในระบบยุติธรรมอีกด้วย
ขั้นตอนการดำเนินโครงการ
1. จัดหาทีมประจำการเพื่อการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ
1.1. ดำเนินการจัดหาผู้ประสานงานรายคดี โดยเน้นผู้ที่ผ่านการอบรมด้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศโดยมีผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง ที่สามารถประจำการช่องทางออนไลน์ ให้คำปรึกษาผู้เสียหายเบื้องต้น มีทักษะด้านจิตสังคมในการรับฟังผู้เสียหายด้วยใจ ดูแลบาดแผลทางจิตใจเบื้องต้น ช่วยเหลือและประสานงานกับทีมทนายความอาสาเพื่อประเมินความเสี่ยง วางแผนเพื่อความปลอดภัยและสร้างระบบสนับสนุนให้แก่ผู้เสียหาย ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการร่วมกันวางแผนปฏิบัติงาน (Action Plan) กับทนายความและประชุมทีมสหวิชาชีพ
1.2. ระบุบัญชีทนายความอาสา (pro bono lawyer team roster) ในภาคี ฯ ที่ผ่านการอบรมและสามารถให้คำปรึกษาและช่วยเหลือผู้เสียหายในการดำเนินการทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นให้ผู้เสียหายได้รับความคุ้มครองสวัสดิภาพและการเยียวยาตามสิทธิทางกฎหมาย ตั้งแต่ก่อนเริ่มจนถึงสิ้นสุดกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้ เราจะมีการติดตามผู้เสียหายภายหลังจากเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปแล้วเป็นระยะ เพื่อให้การดำเนินการดูแลช่วยเหลือผู้เสียหายสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
2. ประสานงานร่วมกับองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับผู้เสียหายแต่ละราย
2.1 ประเมินสถานการณ์และวางแผนการปฏิบัติงานโดยคำนึงถึงหลักผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง (Survivor-Centred Approach) สำหรับผู้เสียหายแต่ละราย และประสานงานเพื่อจัดหา Support System ต่าง ๆ ให้แก่ผู้เสียหาย รวมถึงการร่วมจัดประชุมสหวิชาชีพ
2.2 ประสานงานกับองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับการให้บริการความช่วยเหลือ (Support System) เช่น ศูนย์พึ่งได้ (OSCC), ศูนย์ปฏิบัติการกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว, บ้านพักเด็กและครอบครัว, โรงพยาบาลตำรวจ เป็นต้น
2.3 ประสานงานกับองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เช่น ตำรวจ,หรือสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นต้น
3. การดำเนินการทางกฎหมาย
ช่วยเหลือในการดำเนินการทางกฎหมายตั้งแต่การแจ้งความร้องทุกข์ จนถึงกระบวนการในชั้นศาล โดยประเมินเคส โดยหลักแบ่งเป็น ความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงในครอบครัว ในกรณีของความรุนแรงในครอบครัว หากผู้เสียหายต้องการได้รับความคุ้มครองสวัสดิภาพ เราจะช่วยทำคำร้องขอและดำเนินคดีคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายซึ่งจะครอบคลุมไปถึงการคุ้มครองสวัสดิภาพของบุตร บุคคลในครอบครัว บุคคลใกล้ชิด และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียหายด้วย
4. การจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล
4.1 มีการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่มุ่งเน้นเพื่อป้องกันการถามซ้ำแก่ผู้เสียหาย และเป็นประโยชน์ในการส่งต่อข้อมูลเคสให้หน่วยงานภาครัฐหรือหน่วยงานให้ความช่วยเหลืออื่นโดยจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้เสียหายก่อน
4.2 จัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับข้อท้าทายในการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายแต่ละราย เพื่อการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายและกระบวนการยุติธรรม
ด้วยงบประมาณสนับสนุนจากโครงการนี้ SHero จะสามารถ
1. ให้คำปรึกษากฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์แก่ผู้เสียหายจากความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ อย่างต่ำ 200 กรณีต่อปี เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพและการเยียวยา ตามสิทธิทางกฎหมายและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้ยังมีทีมจิตสังคมที่ช่วยรับฟังด้วยใจและดูแลบาดแผลทางจิตใจเบื้องต้นตลอดกระบวนการ รวมทั้งผู้จัดการคดีจะมีบทบาทในการดูแลและประเมินความต้องการและความพร้อมของผู้เสียหายตั้งแต่ผู้เสียหายติดต่อเข้ามาที่ Line Official Account ของ SHero Thailand จากนั้นทำการส่งต่อผู้เสีหายเข้าสู่ระบบการดูแลของทีม SHero Thailand โดยผู้เสียหายเป็นศูนย์กลางในการให้บริการ (Survivor-Centred Approach)
2. ช่วยเหลือทางกฎหมายโดยการดำเนินการทางคดีแก่ผู้เสียหายจากความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ อย่างต่ำ 15 คดีต่อปี รวมถึงคดีที่มีข้อท้าทายเช่นกรณีผู้เสียหายถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวเป็นเวลานาน ไม่มีหลักฐานชัดเจน ผู้เสียหายยากจนและมีอุปสรรคอย่างยิ่งในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนคดีการล่วงละเมิดทางเพศที่กระทำโดยผู้มีอำนาจ ที่ผู้เสียหายอาจไม่ปลอดภัยในการดำเนินการ
3. พัฒนาระบบให้ความช่วยเหลือโดยเครือข่ายอาสาสมัครที่มีความเชี่ยวชาญให้เข้มแข็งขึ้นและยั่งยืน โดยมีการเก็บข้อมูลข้อท้าทายแต่ละคดี เพื่อการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายและกระบวนการยุติธรรม
ผู้รับผิดชอบโครงการ
- บุษยาภา ศรีสมพงษ์, ผู้ก่อตั้ง SHero Thailand
- ปณิธาน พุ่มบ้านยาง, กระบวนกรอาสาและผู้ช่วยพัฒนาระบบจัดการเคสของ SHero Thailand
- สิรินทิพย์ สมใจ, ทนายความอาสาฝ่ายวิชาการ
- ศรกมล ศรีอมรรัตน์, ทนายความอาสา
- พรสุดา ผ่องนาค, ผู้จัดการรายกรณีอาสา
Facebook: https://www.facebook.com/SHeroThailand
Website: https://www.sherothailand.org
แผนการใช้เงิน
ลำดับ | รายการ | จำนวน | จำนวนเงิน (บาท) |
---|---|---|---|
1 | ค่าวิชาชีพทนายความอาสาที่มีความเชี่ยวชาญด้านความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ ในการลงพื้นที่ดำเนินการทางศาล 3000 บาท/วัน | 200 | 600,000.00 |
2 | ค่าตอบแทนผู้ประสานงานรายคดี ที่สามารถพูดเขียนได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หรือภาษาประเทศเพื่อนบ้าน) ประสานงานทั้งทางออนไลน์และลงพื้นที่เมื่อจำเป็นกับผู้ประสบเหตุและทีมสหวิชาชีพอาสา ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูล 27000 บาท/เดือน | 12 | 324,000.00 |
3 | กองทุนเพื่อสนับสนุนทีมอาสาสมัคร (ทนายความ นักสังคม นักจิตวิทยา ผู้จัดการรายกรณีและผู้ประสานงาน) ในการทำงานเพื่อช่วยเหลือความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ เช่น
|
1 | 150,000.00 |