ความเคลื่อนไหว

  • ความคืบหน้าโครงการ > ทำหมันแมวสัญจรกับมูลนิธิรักษ์แมว

    ทำหมันแมวและสุนัข ปี 2566

    21 กุมภาพันธ์ 2024

    กิจกรรมทำหมันสัญจรของมูลนิธิรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจรในปี 2566 จัดกิจกรรมไปทั้งหมด 62 ครั้ง จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละครั้งอยู่ในราว 80-200 คน จังหวัดที่ไปจัดกิจกรรมตามแต่ที่มีคนช่วยประสานงานกับทางพื้นที่ให้ ซึ่งในปี 2566 มีการจัดกิจกรรมในจังหวัดดังต่อไปนี้

    • ปทุมธานี
    • นครปฐม
    • อยุธยา
    • สุพรรณบุรี
    • สระบุรี
    • นครนายก
    • ราชบุรี
    • สมุทรปราการ
    • ตาก
    • นครราชสีมา
    • สมุทรสาคร
    • ฉะเชิงเทรา
    • สมุทรสาคร
    • สิงห์บุรี
    • นนทบุรี
    • กรุงเทพ

    โดยได้ดำเนินการทำหมันสุนัข และแมว ในปี 2566 ดังนี้

    • ทำหมันแมวเพศเมีย 11,096 ตัว
    • ทำหมันแมวเพศผู้ 6,250 ตัว
    • ทำหมันสุนัขเพศเมีย 200 ตัว
    • ทำหมันสุนัขเพศผู้ 79 ตัว

    รวมทำหมันไปทั้งหมด 17,625 ตัว

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์ 







    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ 
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จำนวนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    แมว17,346 ตัวแมวที่ได้รับการทำหมันแล้ว สามารถมีบ้านได้มากขึ้น มีสุขภาพที่ดีมากขึ้น
    สุนัข279 ตัวสุนัขที่ได้รับการทำหมันแล้ว สามารถมีบ้านได้มากขึ้น มีสุขภาพที่ดีมากขึ้น
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม












    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > กวักน้องมาเรียน-ส่งต่อชุดนักเรียนให้เด็กยากจน 50 โรงเรียนทั่วประเทศ

    ส่งต่อชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนให้นักเรียนในพื้นที่ต่างๆ

    12 กุมภาพันธ์ 2024

    ศูนย์แบ่งต่อ ในมูลนิธิกระจกเงาได้รับบริจาคชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนเป็นจำนวนมาก มูลนิธิกระจกเงาจึงได้จ้างคนไร้บ้าน จำนวน 6 คนต่อวัน ในช่วงเวลา 1 เดือน มาช่วยคัดแยก เช็คสภาพ และบรรจุชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนใส่กล่องเพื่อเตรียมส่งต่อชุดนักเรียนไปยังสถานที่ต่างๆ ดังนี้

    • โรงเรียนบ้านพุเข็ม จ.เพชรบุรี จำนวน 10 ลัง
    • โรงเรียนหนองบง และโรงเรียนใกล้เคียง จ.นครราชสีมา จำนวน 1 รถกระบะ
    • โรงเรียนสระพังวิทยาคม และโรงเรียนใกล้เคียง จ.ชัยภูมิ 1 รถกระบะ
    • โรงเรียนบ้านโจด และโรงเรียนใกล้เคียง จังหวัดนครราชสีมา 1 รถกระบะ
    • โรงเรียนบ้านมะเกลือโนนทอง และโรงเรียนใกล้เคียง จ.ชัยภูมิ 1 รถกระบะ
    • โรงเรียนบ้านเสาเล้า และโรงเรียนใกล้เคียง จังหวัดขอนแก่น 1 รถกระบะ
    • จังหวัดกระบี่ จำนวน 2 ลัง
    • จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 2 ลัง
    • จังหวัดนครพนม จำนวน 2 ลัง

    จัดส่งชุดนักเรียนสำหรับงานถนนครูเดินที่มีคุณครูจำนวนมากมาเลือกชุดนักเรียนไปให้เด็กๆ และตลาดนัดต่างๆ อีก 4 ตลาด ที่ให้ผู้ปกครองได้มาเลือกชุดนักเรียนไปให้ลูกหลานด้วยตนเอง 

    จากกิจกรรมทำให้เด็กๆ ได้มีชุดนักเรียนใส่เหมือนเพื่อน โดยหลายคนที่ได้รับชุดนักเรียนดีใจและทำให้กล้าที่จะไปโรงเรียนเหมือนเพื่อน และช่วยให้เด็กที่อาจเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาได้กลับมาเข้าสู่ระบบการศึกษาได้อย่างมั่นใจ

    ข้อเสนอแนะคือยังมีนักเรียนอีกจำนวนมากมายที่ต้องการชุดนักเรียนแต่เราก็ยังจัดส่งได้ไม่ทันและได้ยังไม่ทั่วถึง ในขณะที่ชุดนักเรียนของนักเรียนหลายคนมีกับภาพที่ใช้งานไม่ได้แล้วอาจจะต้องเพิ่มการจัดส่งหรือวิธีการที่จะทำให้ทรัพยากรนี้กระจายออกไปให้ได้มากกว่านี้และเร็วกว่านี้

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

    “ นักเรียนที่โรงเรียนมีต้องเข้าค่ายลูกเสือเนตรนารี เนื่องจากโรงเรียนเป็นโรงเรียนขนาดเล็กการเข้าค่ายจึงเป็นการรวมหลายโรงเรียนด้วยกัน ที่ค่ายต้องให้นักเรียนมีชุดลูกเสือเนตรนารีจึงจะเข้าร่วมได้และชุดราคาค่อนข้างแพงพันกว่าบาทต่อชุด ผู้ปกครองในโรงเรียนไม่ค่อยมีเงินจึงได้ขอมายังศูนย์แบ่งต่อ มูลนิธิกระจกเงา ดีใจมากที่ทางมูลนิธิกระจกเงาได้ส่งชุดลูกเสือเนตรนารีมาให้เด็กๆ กับ 20 คน ทำให้ได้ไปค่ายลูกเสือพร้อมกับเพื่อนๆ ขอขอบพระคุณมากเลยค่ะ ” ครูน้ำผึ้ง โรงเรียนบ้านพุเข็ม จ.เพชรบุรี

    “ ตอนไปตลาดไม่คิดว่ามูลนิธิกระจกเงาจะนำชุดนักเรียนมาวางแจกแบบนี้ ชุดลูกเสือเนตรนารีราคาแพงมากกำลังคิดว่าจะหาเงินทางไหนมาซื้อชุดให้ลูก ได้มาเลือกชุดลูกเสือเนตรนารีไปให้ลูกครบชุดช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้มากเลยค่ะ ขอบพระคุณมากๆ เลยนะคะ ” ผู้ปกครองนักเรียน

    “ กระโปรงนักเรียนลูก สอยแล้วสอยอีกให้มันยาวขึ้น กว่าเขาจะเรียนจบประถม เชื่อไหม เสื้อนักเรียนแทบจะเป็นเอวลอย เพราะให้เขาใส่ตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.6 เลย ” คุณแม่ที่มาเลือกชุดนักเรียนให้ลูก

     คุณแม่ท่านนี้เลือกชุดนักเรียนให้ลูกและหลาน เนตรนารี 2 ชุด ชุดนักเรียนอีก 3 ชุด รองเท้านักเรียน 2 คู่ เธอบอกว่าเลือกแบบมีแป๊กหนีบ และคู่ใหญ่หน่อย เอาไว้ใส่เผื่อโต

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนในพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศมากกว่า 500 คนเด็กนักเรียนได้ชุดนักเรียนใหม่เพื่อไปโรงเรียนเรียนเหมือนเพื่อน ลดการเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษา และสร้างความมั่นใจให้นักเรียนที่จะไปเรียน
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม







    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > น้ำใจท่านสู่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง

    มอบเครื่องอุปโภค บริโภคให้กับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

    12 กุมภาพันธ์ 2024

    ด้วยในปัจจุบัน ประเทศไทยมีประชากรที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไปจำนวนมาก ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว อีกทั้งยังมีผู้ป่วยติดเตียง และผู้พิการ เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก และบุคคลเล่านี้ยังขาดรายได้ในการรักษาพยาบาล อีกทั้งภาระค่าใช้จ่ายเครื่องอุปโภค บริโภค รวมถึงเครื่องกันหนาว เพราะปัญหาภัยหนาวที่กำลังจะสร้างผลกระทบต่อทางผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ผู้พิการ และทางครอบครัวของท่านเหล่านั้น จึงเป็นการเพิ่มภาระให้ครอบครัวของผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียงเป็นเงินจำนวนมาก และทางมูลนิธิพระครูบาน้อย เขมปัญโญ จึงได้จัดหาเครื่องอุปโภค บริโภค อุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ไปมอบให้แก่ โรงเรียนที่ขาดสิ่งของเหล่านั้นอีกด้วย

    ดังนั้น มูลนิธิพระครูบาน้อย เขมปัญโญ (องค์สาธารณประโยชน์) จึงได้จัดโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ยากจน และผู้ด้อยโอกาส เพื่อมอบเครื่องอุปโภค บริโภคต่างๆ อาทิ สบู่ ยาสีฟัน แชมพู เป็นต้น เครื่องบริโภค อาทิ ข้าวสาร มาม่า ปลากระป๋อง น้ำดื่ม เป็นต้น ในชุมชนบ้านจอมแจ้ง ชุมชนบ้านหนองไหว ตำบลน้ำบ่อหลวง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องการความช่วยเหลือตามกำลังของมูลนิธิ เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้ตามจุดประสงค์ของมูลนิธิ และเพื่อทำให้ชุมชนและหมู่บ้านในแต่ละพื้นที่เห็นถึงความลำบากและความสำคัญในการช่วยเหลือ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ยากจน และผู้ด้อยโอกาส เพื่อเป็นแบบอย่างให้สังคมต่อไป

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

     แม่อุ้ยนาง เข็ญด้วง อายุ 98 ปี ผู้ป่วยติดบ้าน โรคสมองเสื่อม ได้ให้การสัมภาษณ์ว่า “ รู้สึกดีใจ และขอบพระคุณในมูลนิธิพระครูบาน้อย เขมปัญโญ ที่ได้เดินทางมามอบสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค มาช่วยเหลือเพื่อที่จะได้นำมาใช้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ในการดำรงชีพ และลดภาระให้ทางลูกหลาน ด้วยที่แม่อุ้ยนาง ไม่สามารถที่จะประกอบสัมมาอาชีพ เพื่อหารายได้ เนื่องจากตนไม่มีเรี่ยวแรงเพราะปัญหาสุขภาพ เป็นโรคสมองเสื่อม และต้องอยู่ติดบ้าน จึงต้องอาศัยรายได้จากทางลูกหลาน ”

     แม่อุ้ยดี ใจหล้า อายุ 76 ปี ผู้ป่วยติดเตียง ชราภาพ โรครูมาตอยส์ ได้ให้การสัมภาษณ์ว่า “ ตนรู้สึกดีใจที่มูลนิธิพระครูบาน้อย เขมปัญโญ ได้เห็นถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ และ ผู้พิการ เพราะตนก็ประสบกับปัญหาด้านสุขภาพ และเป็นผู้ป่วยติดเตียงเพราะโรคชรา และโรครูมาตอยส์ จึงได้มีความต้องการของใช้ยังชีพหลายๆ อย่าง รวมไปถึงยารักษาโรค จึงรู้สึกขอบคุณที่ทางมูลนิธิได้เข้ามาช่วยเหลือลดภาระค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว ”

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    ผู้สูงอายุบ้านจอมแจ้ง และบ้านหนองไหว64 คนผู้สูงอายุได้รับสิ่งของช่วยเหลือ การเอาใจใส่ดูแลจากคนในชุมชนและองค์กรต่างๆ
    ผู้พิการและผู้ป่วยบ้านจอมแจ้ง และบ้านหนองไหว29 คนได้รับการฟื้นฟูสภาพจิตใจ และได้รับสิ่งของที่โครงการฯ ได้มอบให้ จึงมีกำลังใจพร้อมที่จะดำรงชีวิตต่อไป
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม







    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

    9 กุมภาพันธ์ 2024

    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ร่วมกันปรับปรุงห้องเรียน Cyber ให้กับชุมชนม้งบ้านน้ำจวง จังหวัดพิษณุโลก

    กิจกรรมโครงการม้งไซเบอร์​ พัฒนาทักษะอาชีพ สร้างชุมชนชาวเขา

    8 กุมภาพันธ์ 2024

    จากการระดมทุนโครงการร่วมกันปรับปรุงห้องเรียน Cyber ให้กับชุมชนม้งบ้านน้ำจวง จังหวัดพิษณุโลก ที่ได้รับเงินระดมทุนไม่ครบตามเป้าหมาย ทางผู้รับผิดชอบโครงการจึงนำเงินบริจาคที่ได้รับไปสนับสนุนกิจกรรมโครงการม้งไซเบอร์​ พัฒนาทักษะอาชีพ สร้างชุมชนชาวเขา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก เริ่มต้นโครงการด้วยการจัด Open House และออดิชั่นในช่วงเดือนสิงหาคมที่โรงเรียนบ้านน้ำจวง

    ในปีนี้ Hmong Cyber season 4 มีนักเรียนมาสมัครมากกว่า 150 คน โดยผู้ที่ผ่านออดิชั่น มีจำนวน 65 คน แบ่งออกเป็น

    • กลุ่มดนตรี จำนวน 20 คน
    • กลุ่มเชฟ จำนวน 20 คน
    • กลุ่มศิลปะ จำนวน 5 คน
    • กลุ่มโปรดักชั่น จำนวน 5 คน
    • กลุ่ม Bakery จำนวน 5 คน
    • กลุ่มคาเฟ่ จำนวน 5 คน
    • กลุ่มบีบอย จำนวน 5 คน

    ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 - กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีการนำครูในแต่ละสายอาชีพขึ้นมาสอนทุกวันเสาร์- อาทิตย์ เป็นระยะเวลา 6 เดือนเต็ม ณ อาคารเรียนบ้านม้งไซเบอร์โดยมีช่วงเวลาเรียนตั้งแต่ 9:00 - 17: 00 น.

    นอกจากการเรียนในห้องเรียนแล้ว ม้งไซเบอร์ยังมีการจัดงานอีเว้นทั้งหมด 6 ครั้งตลอดโครงการ เพื่อให้นักเรียนได้นำทักษะที่เรียนมาใช้จริง และสร้างรายได้ให้แก่ตัวเอง โดยมีงานดังนี้

    1. งานบ้านน้ำจวงครอสคันที คอนเสิร์ตกินข้าวใหม่ม้ง (เดือนตุลาคม)
    2. งาน Winter Battle แข่งร้องเพลง-เต้น (เดือนพฤศจิกายน)
    3. งาน Winter Battle แข่งทำอาหาร (เดือนธันวาคม)
    4. งาน Yamaha Unexpected Journey (เดือนมกราคม)
    5. งาน Blooming Forest (เดือนมกราคม)
    6. งาน Valentine the game of love (เดือนกุมภาพันธ์)

    สิ่งที่นักเรียนที่ผ่านออดิชั่นและได้เข้าร่วมโครงการตลอด 6 เดือนจะได้รับ คือ 

    • การนำสิ่งที่ชอบ มาพัฒนาให้เป็นทักษะอาชีพ
    • สร้างรายได้ทั้งจากการจ้างงานแสดง และการเป็นผู้ประกอบการของตัวเอง
    • การได้แสดงบนเวที ให้ผู้ชมมากกว่า 1000 คนในทุกๆ งานได้ดู เช่น การร้องเพลง การเต้น วงดนตรี และการแสดงความสามารถต่างๆ
    • การเปิดร้านคาเฟ่ และเบเกอรี่ของตัวเองในหมู่บ้าน มีลูกค้าสั่งเค้กและเครื่องดื่มภายในชุมชน
    • การได้ทำ Production ประดับไฟตกแต่งสถานที่จัดงานทั้งหมดด้วยนักเรียนม้งไซเบอร์
    • การเป็นพิธีกร สตาฟ และออแกไนส์เซอร์ในส่วนต่างๆ ของการจัดงานอีเว้นท์
    • การได้เป็นตัวแทนชุมชนออกสื่อจากสำนักข่าวต่างๆ เช่น NBT รายการ Kid D , Thai PBS , และห้องนั่งเล่า สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดพิษณุโลก
    • ศิลปินม้งไซเบอร์จำนวน 11 คนมีผลงานเพลงและ MV เป็นของตัวเอง
    • นักเรียนม้งไซเบอร์ได้ไปทัศนศึกษาและฝึกงานที่จังหวัดพิษณุโลกและเชียงใหม่

    ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังการจัดกิจกรรม คือ นักเรียนม้งไซเบอร์มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น มีเป้าหมายและระเบียบวินัยในการฝึกซ้อม มีทักษะในการสื่อสารและทำงานร่วมกับทีมได้เป็นอย่างดี มีความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของการแสดงโชว์ได้อย่างน่าประทับใจและได้รับ Feedback ที่ดีเยี่ยมจากผู้ชมและลูกค้าผู้จ้างงาน

    นอกจากนั้น นักเรียนม้งไซเบอร์ ยังสามารถสร้างรายได้ให้แก่ตัวเองจากการจ้างงานใน 6 อีเว้นที่เกิดขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วนักเรียน 1 คนจะมีรายได้ประมาณ 2,400 บาทจากการจ้างงาน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความสามารถด้านดนตนตรี การเป็นสตาฟ การทำอาหาร และบางกลุ่มจะรับรายได้เป็นการจ้างเหมา เช่น กลุ่มคาเฟ่ และกลุ่มเบเกอรี่

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนเด็กนักเรียนชั้นมัธยม โรงเรียนบ้านน้ำจวง จ.พิษณุโลก65 คนเด็กนักเรียนมีทักษะอาชีพ สามารถนำไปสร้างรายได้ให้แก่ตัวเอง
    และมีความมั่นใจและกล้าแสดงออกในเวทีใหญ่ พร้อมผลักดันไปสู่ระดับโลก
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม






    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > สี่ขาอิ่มท้อง

    มอบสิ่งของจำเป็นให้สถานพักพิงบ้านหมาแม่มณี

    7 กุมภาพันธ์ 2024

    กิจกรรมมอบสิ่งของที่จำเป็นให้แก่ “ สถานพักพิงบ้านหมาแม่มณี ” โดยจัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2566

    ซึ่งน้องหมา แมว บ้านแม่มณีกว่า 500 ชีวิต ที่อยู่ภายใต้โครงการ “สี่ขาอิ่มท้อง” และได้รับผลกระทบจากการขาดอาหารและสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิต โดยบางตัวมีอาการป่วยซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงเมื่อขาดสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น

    โดยยอดบริจาคที่ได้รับสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดีผ่านการระดมทุนทางเว็บไซต์เทใจ ช่วยส่งผลให้น้องหมาน้องแมวกว่า 500 ชีวิต ได้มีข้าวสารและอาหารสดไว้บริโภคพร้อมข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของน้องหมาน้องแมว อีกทั้งยังสามารถช่วยบรรเทาทุกข์จากการขาดยารักษาอาการป่วย ส่งผลให้น้องหมาน้องแมวกว่า 500 ชีวิตของบ้านหมาแม่มณีมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและสุขภาพกายสุขภาพใจที่ดีขึ้น และยังเป็นพลังสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ให้สังคมประเด็นการใส่ใจเพื่อนร่วมโลกอย่างน้องหมาน้องแมวจรที่เป็นปัญหาสังคมที่หลายๆ คนมองข้ามและไม่ได้ให้ความใส่ใจมากพอจนเกิดปัญหาสังคมต่างๆ ตามมา

    ดังนั้นกลุ่มผู้จัดทำโครงการ สี่ขาหมาอิ่มท้อง จึงเป็นพลังเล็กๆ ที่จะทำให้ปัญหาหมาจรแมวจรที่ถูกทอดทิ้งได้รับการสนใจจากสังคมและเกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตของน้องหมาน้องแมวต่อไปในอนาคต เพื่อความยั่งยืนของสังคมและคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียมต่อไป

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์ 

     " รู้สึกประทับใจอย่างมากที่พวกเราได้ทำโครงการนี้ขึ้นมา ได้นำเงินที่ได้จากการบริจาคนำมาซื้อข้าวสารและอาหารที่ทางสถานพักพิงหมาป้ามณีกำลังขาดแคลน สามารถช่วยเหลือน้องหมาน้องแมวหลายร้อยชีวิตให้อิ่มท้องไปได้หลายมื้อ " คุณนวล และคุณเอ  

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    สัตว์หมาและแมวบ้านหมาป้ามณี500 ตัวสุนัขและแมวได้อาหาร และของใช้ที่เป็นปัจจัย 4 เพื่อดำรงชีวิตต่อ 
    รูปภาพการดำเนินโครงการ




    วิดีโอดำเนินโครงการ

    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > The White Room SciFair 2023: นิทรรศการวิทยาศาสตร์เพื่อน้องโรงเรียนบ้านจอมบึง

    จัดนิทรรศการวิทยาศาสตร์เพื่อน้องโรงเรียนบ้านจอมบึง

    2 กุมภาพันธ์ 2024

    วันจัดกิจกรรม : วันที่ 20 สิงหาคม 2023 เวลา 8.15 - 15.45 น.
    สถานที่ : โรงเรียนบ้านจอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
    จำนวนผู้เข้าร่วมและได้ประโยชน์จากกิจกรรม : นักเรียน 150 ครู 10 คน
    จำนวนผู้จัดกิจกรรม : 27 คน
    ภาพรวมของผลการจัดกิจกรรม :

    • ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสนุกกับการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของกิจกรรม ที่อยากสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกและเปิดกว้างให้แก่นักเรียน
    • ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมองว่าทีมงานสามารถอธิบายเนื้อหาให้เข้าใจง่าย
    • ผู้เข้าร่วมกิจกรรมรู้สึกว่าความรู้ที่ได้รับจากค่ายมีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน
    • ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถประยุกต์ใช้ทักษะและหลักการวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหาได้ วัดผลจากความสำเร็จของการทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย (มีคะแนนเป็นตราประทับในสมุดค่าย)
    • ลักษณะของกิจกรรมทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมเป็นอย่างดี ทั้งในด้านการลงมือทำ การลองผิดลองถูก และแสดงความคิดเห็น

    กิจกรรมที่เกิดขึ้น : แบ่งเป็น 2 ส่วน คือกิจกรรมบนเวทีกลาง และกิจกรรมฐาน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

    กิจกรรมเวทีกลาง

    • Sodium Bomb โชว์วิทยาศาสตร์ โยนโซเดียมลงน้ำ เพื่อให้เกิดระเบิดขึ้นจากแก๊สไฮโดรเจน นักเรียนได้เรียนรู้หลักการ ปฏิกิริยาไม่ผันกลับและปฏิกิริยาเคมี
    • Titanic กิจกรรมการแข่งขันโดยให้นักเรียนผลัดกันวางลูกแก้วในเรือในขันน้ำ โดยนักเรียนที่วางลูกแก้วแล้วทำเรือจมจะเป็นทีมที่แพ้ และทีมที่วางลูกแก้วก่อนทีมที่ทำให้เรือจมได้จะเป็นทีมที่ชนะ นักเรียนได้เรียนรู้หลักการ แรงลอยตัวและสมดุล
    • ปิดตา ปิดจมูก ปิดปาก ชิมรส นักเรียนจะปิดตา และปิดจมูก เพื่อชิมรสน้ำผลไม้หรืออาหาร และนักเรียนจะต้องทายว่าอาหารที่ทานเข้าไป คืออะไร นักเรียนได้เรียนรู้หลักการ ประสาทสัมผัสทั้ง 5
    • แข่งตอบคำถามวิทยาศาสตร์ นักเรียนจะแข่งขันกันตอบปัญหาด้านดาราศาสตร์ โลก พระอาทิตย์ ดวงดาว และเทคโนโลยีที่พบได้ในชีวิตประจำวัน นักเรียนได้เรียนรู้หลักการ โลก ดาราศาสตร์ และดวงดาว
    • ทายขนาดและปริมาตร นักเรียนจะทายขนาดและปริมาตรของวัตถุโดยใช้อุปกรณ์วัดที่มีบนร่างกายและมีปริมาณจำกัดเพื่อทายขนาดและปริมาตรของวัตถุ นักเรียนได้เรียนรู้หลักการ คณิตศาสตร์ - ความยาวและปริมาตร
    • อะไรอยู่ข้างหลัง นักเรียนจะมีแผ่นป้ายแปะอยู่ข้างหลัง และนักเรียนจะต้องตั้งคำถามใช่หรือไม่กับเพื่อน เพื่อทายข้อความหลังแผ่นป้ายให้ได้ จากนั้นนักเรียนจะทำการยืนเรียงกันตามลำดับตัวอักษร ส่วนสูง หรือชื่อเล่น เพื่อเรียงลำดับภายในกลุ่ม นักเรียนได้เรียนรู้หลักการ การตั้งคำถาม และ การจัดกลุ่ม
    • แข่งไฟฟ้าสถิต นักเรียนจะใช้ลูกโป่งถูกับผมและนำไปใช้ในการจับกระดาษ ใครสามารถนำกระดาษไปไว้จากตะกร้าหนึ่งไปยังอีกตะกร้าหนึ่งได้เร็วกว่าจะเป็นทีมที่ชนะ นักเรียนได้เรียนรู้หลักการ ไฟฟ้าสถิต
    • แข่งพับเครื่องบินกระดาษ นักเรียนแข่งกันพับเครื่องบินกระดาษโดยกลุ่มที่สามารถปาเครื่องบินไปได้ไกลที่สุดเป็นทีมที่ชนะ นักเรียนได้เรียนรู้หลักการ แรงเสียดทานและแรงลอยตัว

    กิจกรรมฐาน

    • หอคอยโลหิต เข้าใจถึงการถ่ายทอดทางพันธุกรรมผ่านทางหมู่เลือด เข้าใจถึงปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเต้นของชีพจรและสามารถวัดชีพจรได้ เข้าใจถึงโครงสร้างของระบบหมุนเวียนโลหิต
    • ปกป้องไข่ เข้าใจหลักการของแรงลัพธ์ เข้าใจถึงการออกแบบเกราะเพื่อปกป้องพัสดุได้
    • ปริศนาห้องมืด เข้าใจสมบัติของแสง (การสะท้อน หักเห การเดินทางของแสงผ่านตัวกลาง) การเกิดรุ้ง สีและการมองเห็น เข้าใจหลักการเข้ารหัส และถอดรหัสเพื่อรักษาความลับข้อมูล สามารถรวบรวม จัดลำดับ และเชื่อมโยงข้อมูล รวมถึงแก้ไขปัญหาอย่างมีตรรกะ
    • นักสืบไขคดี เข้าใจถึงความสำคัญของค่า pH และการวัดกรด เบส เข้าใจถึงวิธีการแยกสารด้วยโครมาโตกราฟี เข้าใจถึงลักษณะของลายนิ้วมือ และการใช้ลายนิ้วมือในงานนิติวิทยาศาสตร์
    • กระดาษลายหินอ่อน เข้าใจการเกิด polymer โดยมีตัวอย่างเป็นสีอะคริลิก เข้าใจผลของแรงตึงผิว ต่อวัตถุบนผิวน้ำ
    • อาหารแสนอร่อย เข้าใจผลของอุณหภูมิต่อการเปลี่ยนสถานะของน้ำ (เหลว>แก๊ส) และปริมาตร-ความดันของไอน้ำที่ทำให้ป๊อปคอร์นพองตัว เข้าใจถึงการสุกของแป้งคือการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ที่ผันกลับไม่ได้ เข้าใจถึงการเกิดไอศกรีมเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบผันกลับได้
    • ฟองสบู่ยักษ์ เข้าใจเรื่องแรงดันอากาศ เข้าใจปัจจัยที่มีผลต่อการลอย-จม ของวัตถุในอากาศ รู้จักแรงตึงผิว และบทบาทของสารลดแรงตึงผิวการทำงานของสารซักล้าง เช่น สบู่ แชมพู
    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์ 

    " ครั้งนี้สนุกมากๆ ชอบมากๆ แบบชอบที่สุดในโลก มีแต่กิจกรรมสนุกๆ เต็มไปหมด โดยเฉพาะกิจกรรมสืบสวนที่ลึกลับซับซ้อน และมีพี่สตาฟคอยช่วยเหลือเราตลอดเวลา แล้วก็ค่ายนี้ดีมากๆ เลยค่ะ เพราะมีพี่ๆ ที่พูดหลายภาษาได้ " นักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

    " ชอบกิจกรรมโยนไข่ ได้ห่อไข่ และรู้วิธีการทำให้ไข่ตกแล้วไม่แตก " นักเรียนชายชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ 
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โรงเรียนบ้านจอมบึง จ.ราชบุรี150 คน
    (ในจำนวนนี้ ประมาณครึ่งหนึ่งที่มีความด้อยโอกาสในด้านต่างๆ เช่น ความรุนแรงในครอบครัว รายได้ครัวเรือนที่ต่ำ)
    • นักเรียนสามารถประยุกต์ใช้หลักการวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาผ่านสถานการณ์จำลองได้ (วัดผลจากความสำเร็จจากการทำภารกิจที่ได้รับในค่าย)
    • นักเรียนสามารถอธิบายหลักการวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันได้ (วัดผลจากการพูดคุยกับนักเรียน ร่วมกับสังเกตนักเรียนระหว่างทำกิจกรรม)
    • นักเรียนได้ทบทวนความรู้วิทยาศาสตร์ในระดับชั้น ป.4-6 และได้รับความรู้ที่สูงกว่าระดับชั้นของตนเอง
    • นักเรียนมีแรงบันดาลใจ ในการตั้งใจเรียนวิชาด้าน STEM เพื่อโอกาสในการศึกษาต่อ ทุนการศึกษา และอาชีพในอนาคต จากการพูดคุยกับพี่ๆ ผู้จัดกิจกรรม
    โรงเรียนโรงเรียนบ้านจอมบึง จ.ราชบุรี1 โรงเรียน
    • ครูมีไอเดียใหม่ๆ ในการออกแบบกิจกรรมในการเรียนการสอนให้น่าสนใจขึ้น โดยใช้อุปกรณ์ใกล้ตัว ร่วมกับ gamification
    • บริจาคหุ่นกายวิภาคให้แก่โรงเรียน ทำให้นักเรียนสามารถเรียนวิทยาศาสตร์แบบ interactive มากขึ้น (ใช้เงินนอกเหนือจากเงินบริจาคที่ได้รับผ่านเทใจ)
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม














    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ให้สวนสาธารณะ

    มอบเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ให้สวนสาธารณะ

    2 กุมภาพันธ์ 2024

    ตั้งแต่โครงการเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ให้สวนสาธารณะ ระดมทุนสำเร็จ นำโดย ผศ. นพ. มล. ทยา กิติยากร และทีมงาน ได้จัดซื้อเครื่องกระตุกไฟฟ้า (AED) จำนวน 8 เครื่อง พร้อมแนะนำการช่วยเหลือฟื้นคืนชีพ (CPR) เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ส่งมอบให้แก่ 5 สวนสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ต่อไปนี้

    ตัวอย่างเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า

    1. ส่งมอบเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าให้สวนหลวง ร.9 จำนวน 3 เครื่อง 

    2. ส่งมอบเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าให้สวนรถไฟ จำนวน 2 เครื่อง 

    3. ส่งมอบเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าให้สวนบางแคภิรมย์ จำนวน 1 เครื่อง 

    4. ส่งมอบเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าให้สวนบางบอน จำนวน 1 เครื่อง 

    5. ส่งมอบเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าให้สวนเบญจกิติ จำนวน 1 เครื่อง 


    และจากการดำเนินการมีเงินคงเหลืออีก 27,830 บาท ทางโครงการฯ จะนำไปส่งเสริมกิจกรรมการช่วยเหลือการฟื้นคืนชีพ (CPR) ในโครงการวิ่ง 1669 CPR run และกิจกรรมฝึกสอน CPR ร่วมกับ Park run Thailand ต่อไป


     

    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ส่งน้องเรียนผู้ช่วยพยาบาล

    มอบทุนการศึกษาแก่เยาวชนในการอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ จำนวน 11 คน

    1 กุมภาพันธ์ 2024

    ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 โดยส่วนใหญ่ผู้สูงอายุมักป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง ขณะเดียวกันเด็กจำนวนมากขาดโอกาสทางการศึกษา เพราะครอบครัวไม่มีเงินเพียงพอที่จะส่งน้องเรียน

    โรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาลตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา 2 ด้าน จึงได้จัด โครงการการเรียนรู้สู่การเป็นนักบริบาลมืออาชีพ (ผู้ช่วยพยาบาล) โดยการอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ 420 ชั่วโมง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เรียนทำให้มีโอกาสในการจ้างงานที่มากขึ้น มีรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต อีกทั้งพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้สูงอายุอย่างถูกวิธีเพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

    กิจกรรมการดำเนินโครงการ

    เพื่อให้เยาวชนด้อยโอกาสมีโอกาสเข้าถึงการศึกษา โครงการฯ จึงวางแผนให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนด้อยโอกาสในการอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ 420 ชั่วโมง จำนวน 11 คน เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในการดูแลผู้สูงอายุอย่างถูกต้องและเหมาะสม มีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยการมีอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักในสายงานดังกล่าว และมีรายได้ที่เพียงพอมั่นคง โดยมีกระบวนการทำงานดังนี้

    • ประชาสัมพันธ์ไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั้งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และเพชรบุรี เพื่อคัดเลือกนักเรียนด้อยโอกาสอายุ 18 ปีขึ้นไป ได้แก่ เด็กที่มีฐานะยากจน เด็กกำพร้า ท้องไม่พร้อม เป็นต้น ผ่านโรงเรียนในเครือข่ายกศน.ที่มีความสนใจ 
    • จัดการอบรมหลักสูตรดูแลผู้สูงอายุ 420 ชั่วโมง ในระยะเวลา 3 เดือน (แบ่งเป็นภาคทฤษฎีระยะเวลา 1 เดือนครึ่ง และภาคปฏิบัติระยะเวลา 1 เดือนครึ่ง)
    • หลังจบการศึกษา ทางโรงเรียนอนันตรักษ์การบริบาลจะออกใบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้ที่ผ่านการเข้าอบรม และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพตามที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพรับรองและช่วยประสานกิจการผู้สูงอายุเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงาน
    • ติดตามประเมินผล สรุปผล และติดตามความก้าวหน้าของนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษา

    ผู้เข้าร่วมโครงการ


    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนเยาวชนในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี
    11 คน
    • ได้รับทักษะในการดูแลผู้สูงอายุอย่างถูกวิธีและเหมาะสม มีชีวิตที่ดีขึ้นจากการมีอาชีพที่มั่นคง
    • มีรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ทำให้ลดโอกาสในการประกอบอาชีพที่ไม่สุจริต
    ผู้สูงอายุผู้สูงอายุในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ผู้สูงอายุจำนวน 55 คน
    (1 ผู้ดูแล : 5 ผู้สูงอายุ) 
    ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสม และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

    ข้อสรุปหรือข้อเสนอแนะในการให้ความช่วยเหลือครั้งถัดไป

    วางแผนขยายผลในปีต่อไป โดยอาจเพิ่มทุนการศึกษาจำนวน 100 – 200 ทุนต่อปี (เบื้องต้นอาจจะหาทุนด้วยวิธีการระดมทุนจากผู้ที่สนใจ ทำ MOU กับสถานประกอบการเพื่อเป็นการศึกษา ทำงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ) เพื่อให้สามารถดูแลผู้สูงอายุที่มีจำนวนมากขึ้นในแต่ละปีได้ครอบคลุมมากขึ้นและเพิ่มโอกาสทางอาชีพให้แก่เยาวชนด้อยโอกาส

     ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์ 

     วิดีโอสัมภาษณ์ ของนางสาวเพ็ญฤดี ไพรพนา
     วิดีโอสัมภาษณ์ ของนางสาวน้ำผึ้ง กระชังแก้ว
     วิดีโอสัมภาษณ์ ของนางสาววริศรา พลายงาม

     วิดีโอสัมภาษณ์ ของนางสาวนันท์นภัส อยู่ยั่งยืน

    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม






    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > บ้านพักพิงฯ เพื่อครอบครัวผู้ป่วยเด็ก

    ความช่วยเหลือบ้านพักพิงครอบครัวผู้ป่วยเด็ก ตั้งแต่ปี 2564-2566

    29 มกราคม 2024

    มูลนิธิโรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ ประเทศไทย มุ่งมั่นเดินหน้าสานต่อการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยเด็กและครอบครัว ผ่านโครงการบ้านพักพิงโรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ เพื่อครอบครัวผู้ป่วยเด็ก

    ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน บ้านพักพิงฯ เพื่อครอบครัวผู้ป่วยเด็กมีพื้นที่บริการทั้งหมด 4 แห่ง ดังนี้

    1. บ้านพักพิงฯ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก)
    2. บ้านพักพิงฯ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี
    3. บ้านพักพิงฯ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย
    4. บ้านพักพิงฯ โรงพยาบาลศิริราช

    ให้บริการที่พักชั่วคราวให้กับครอบครัวผู้ป่วยเด็กขั้นวิกฤต และโรคเรื้อรัง ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ให้ได้อยู่ใกล้ชิดบุตรหลานในยามที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน ห้องน้ำ ห้องอาหาร มีมาตรการคัดกรองและปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยสูงสุด โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตลอด 24 ชั่วโมง

    จากการระดมทุนโครงการบ้านพักพิงฯ เพื่อครอบครัวผู้ป่วยเด็ก มูลนิธิฯ ได้ให้การช่วยเหลือครอบครัวผู้ป่วยเด็กได้มากกว่า 5,300 คน ให้ได้อยู่ใกล้ชิดบุตรหลานระหว่างที่รักษาตัวในโรงพยาบาล โดยมีรายละเอียดดังนี้

    • ปี พ.ศ. 2564 ให้บริการผู้เข้าพักกว่า 1,000 คน
    • ปี พ.ศ. 2565 ให้บริการผู้เข้าพักกว่า 1,300 คน
    • ปี พ.ศ. 2566 ให้บริการผู้เข้าพักกว่า 3,000 คน
    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

     " น้องป่วยเป็นโรคมะเร็งกระดูก ระยะเวลาในการป่วยมากกว่า 1 ปี อาการเริ่มแรกของน้องมีอาการเจ็บที่หัวเข่าด้านขวาเดินไม่ถนัดแต่ฝ่าเท้ายังเหยียบพื้นได้อยู่ จึงได้พาน้องไปตรวจที่โรงพยาบาลตราดคุณหมอให้น้อง Admit และพาน้องไปสแกนกระดูก แต่คุณหมอยังไม่แน่ใจจึงได้ส่งตัวน้องมารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ การเดินทางลำบากเพราะน้องไม่สามารถเดินเองได้กลัวกระดูกแตกได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ ให้มาเข้าพักที่บ้านพักพิงฯ เพื่อครอบครัวผู้ป่วยเด็ก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ชั้น 12 ตึก(สก.) หลังจากที่ได้เข้ามาพักในบ้านพักพิงฯ รู้สึกอบอุ่นสบายใจ อยู่แบบครอบครัวแบบพี่น้อง มีรอยยิ้มมีเพื่อนใหม่ๆ ทำให้มีกำลังใจดูแลลูก
    และสุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณหมอ คุณพยาบาล และเจ้าหน้าที่ของบ้านพักพิง ที่ได้ดูแลทั้งผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่ได้มาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจุฬาฯ แห่งนี้ หากมีอะไรที่คนเป็นแม่จะขอพรได้ ก็ขอให้ลูกหายจากอาการป่วย และกลับไปใช้ชีวิตในวัยเด็ก เหมือนเด็กๆ ในวัยเดียวกัน และเจริญเติบโตไปตามวัยอย่างแข็งแรง ปราศจากโรคภัยใดๆ ตลอดไป "
    แม่อัจฉราพร ภู่ระย้า อายุ 38 ปี อาชีพทำสวน มาจากจังหวัดตราด และน้องต้นข้าว อายุ 13 ปี

     " น้องป่วยด้วยโรคมาแฟนชิโดม ป่วยมาเป็นระยะเวลา 12 ปี ตอนคลอดน้องออกมาได้ 2 วัน อาของน้องได้สังเกตเห็นตาดำของน้องทั้ง2 ข้างเป็นสีฟ้าจึงตามหมอมาดูอาการ ในตอนนั้นหมอก็ยังให้คำตอบไม่ได้ ทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวน้องมารักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราช จึงได้ทำการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชประมาณ 2 อาทิตย์ ได้รู้ผลว่าน้องเป็นโรคมาแฟนชิโดมค่ะ ตอนแรกก็มีความกังวลว่าจะมาทำอะไรตรงไหนก่อน และต้องนำตัวน้องไปรักษาที่ตึกไหนและต้องไปติดต่อยังไง น้องจะเป็นโรคอะไรที่ร้ายแรงรึเปล่าและจะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายหรือเปล่า เพราะไม่รู้ว่าการที่เรามีบัตรส่งตัวมาแล้วจะเสียค่าใช้จ่ายยังไง ไม่รู้ว่าจะพักที่ไหน และทางพยาบาลก็ได้แนะนำให้มาเข้าพักที่บ้านพักพิงฯ เพื่อครอบครัวผู้ป่วยเด็ก โรงพยาบาลศิริราช
    เมื่อเข้ามาพักแล้วดิฉันรู้สึกมีความสุขและสบายใจมาก ทั้งเรื่องที่พักอาศัยและอาหารการกินและรู้สึกอบอุ่น เจ้าหน้าที่บ้านพักพิงฯ คอยให้กำลังใจ เวลาที่รู้สึกไม่ดี รู้สึกดีใจมากที่ได้อยู่ใกล้ลูกในขณะที่รักษาตัวในโรงพยาบาล ต้องขอพูดว่าทั้งคุณหมอคุณพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่บ้านพักพิงฯ เป็นคนพิเศษของแม่ทุกๆ ท่านเลยคะ ถ้าดิฉันขอพรได้จะขอให้ลูกไม่ป่วย และขอให้น้องแข็งแรงและออกมาอยู่กับพ่อแม่นานๆ ตลอดไปค่ะ ขอขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกท่านเลยนะคะ "
    แม่อัมพิกา แย้มศิลป์ อายุ 33 ปี อาชีพค้าขาย มาจากจังหวัดราชบุรี เป็นแม่ของน้องซี

     " น้องเป็นผู้ป่วยเนื้องอกในสมอง อาการเริ่มต้นอ่อนเพลีย คลื่นใส้ อาเจียน ทานอาหารไม่ได้อยู่บ่อยครั้ง จึงได้สังเกตุอาการและตัดสินใจปรึกษาหมอให้ทำการวินิจฉัยที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หลังจากได้ทำการ CT Scan แพทย์วินิจฉัยว่าน้องได้เป็นเนื้องอกในสมอง ทางโรงพยาบาลได้ส่งตัวน้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ทำให้คุณแม่เดินทางไม่สะดวกต้องใช้เวลามาก อีกทั้งต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง ต้องฉายแสง 30 ครั้ง ไม่สะดวกต่อการเดินทางไป-กลับ
    เมื่อเริ่มรับการรักษาคุณหมอได้หาที่พักให้ รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่รู้ว่าครอบครัวของเราจะพักที่ไหน ทางคุณหมอส่งเข้าพัก ที่บ้านพักพิงฯ เพื่อครอบครัวผู้ป่วยเด็ก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และหลังจากที่ได้เข้ามาพักในบ้านพักพิงฯ รู้สึกอบอุ่นสบายใจ อยู่แบบครอบครัวแบบพี่น้อง และสามารถพูดระบายความรู้สึกและแชร์การรักษาตัวของน้องเบื้องต้น และเมื่อเกิดปัญหาหรือความกังวลใจก็จะได้กำลังใจจากผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่บ้านพักพิงฯ ได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครองที่มีให้ซึ่งกันและกัน
    สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณหมอ คุณพยาบาล และเจ้าหน้าที่ของบ้านพักพิงฯ ทุกท่าน ที่ได้ดูแลทั้งผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจุฬาฯ แห่งนี้ ได้เป็นอย่างดี "
    แม่ศิริพร บุตรดี อายุ 36 ปี อาชีพค้าขาย จากจังหวัดนครสวรรค์ เป็นแม่ของน้องมิกซ์ 

     " ลูกชายของแม่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว น้องถูกส่งตัวมาจากโรงพยาบาลในตัวจังหวัด มารักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราช เป็นการรักษาซ้ำ ครั้งที่ 2 ของน้องที่รักษาตัว ทางโรงพยาบาลส่งต่อน้องมารักษาตัวที่นี่เพราะอย่างน้อยน้องยังมีโอกาสรักษาต่อและมีโอกาสจะหายจากโรคที่เป็นอยู่ ช่วงที่มาถึงความรู้สึกแรกทุกอย่างมันวุ่นมาก ไม่รู้ว่าจะต้องดำเนินการอะไรก่อนยังไงบ้าง แต่ด้วยความใจดีของบุคลากรในโรงพยาบาลทุกอย่างจึงเรียบร้อยด้วยดี และที่สำคัญได้รับการแนะนำที่พัก บ้านพักพิงฯ เพื่อครอบครัวผู้ป่วยเด็ก โรงพยาบาลศิริราชให้ด้วย
    เรารู้สึกว่านาทีที่เรามีทุกข์ มีคนยื่นมือช่วยทำให้เรามีความหวัง ได้มีความสุขในเวลาที่ทุกข์ที่สุด บ้านพักแห่งนี้ให้ความอบอุ่น ให้กำลังใจ เป็นที่พึ่งให้คนทุกข์ยากจริงๆ ดิฉันขอให้ทุกข์ท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีความสุข ความเจริญ สิ่งดีๆ ที่ท่านทำให้พวกเรา ขอให้กลับไปหาพวกท่านตลอดไป "
    แม่สุภาพร ฤทธิ์มนตรี อายุ 43 ปี อาชีพเกษตรกร มาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นแม่ของน้องเจษ 

     " น้องป่วยด้วยโรคลิ้นหัวใจรั่วจะเล่าย้อนให้ฟังว่า หลังจากผ่าคลอดน้องเรียบร้อยคุณหมอ พบว่ามีการทำงานของหัวใจที่ผิดปกติ จึงทำการตรวจอย่างละเอียดและพบว่าน้องมีลิ้นหัวใจรั่ว และได้ทำการรักษาน้องตั้งแต่แรกคลอด โดยในปัจจุบันน้องมีการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะน้องได้ทำการผ่าตัดรักษาตั้งแต่ตอนนั้น และมีการอัปเดตการเต้นของหัวใจ การทำงานของระบบต่างๆ พอน้องโตขึ้น น้องเคยเกิดภาวะช็อค จึงทำให้ผมต้องเฝ้าระวังน้องเป็นพิเศษ และในตอนนั้นผมก็ลำบากในการที่จะต้องรักษาน้องเพราะต้องเดินทางจากชุมพร เพื่อพาน้องมารักษาโดยที่ผมขับรถส่วนตัวในระยะทางร่วมกว่า 500 กิโลเมตร และยังต้องขับรถเดินทางเพียงคนเดียว ทำให้เหนื่อยและร่างกายอ่อนเพลีย อีกทั้งต้องเฝ้าน้องเป็นระยะเวลานาน
    คุณหมอและพยาบาลได้แนะนำให้เข้าพักบ้านพักพิงฯ เพื่อครอบครัวผู้ป่วยเด็ก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพราะจะได้ดูแลน้องอย่างใกล้ชิด พอได้เข้ามาอยู่บ้านพักพิงจุฬาฯ ทำให้ผมนอนเต็มอิ่มมากขึ้น และมีแรงที่จะดูแลน้องได้ในทุกวัน และเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินยังสามารถลงไปหาน้องได้ทันท่วงที และยังได้กำลังจากครอบครัวผู้ป่วยท่านอื่นๆ ที่คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และกำลังใจจากเจ้าหน้าที่จากบ้านพักพิงด้วย
    สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณหมอ คุณพยาบาล และเจ้าหน้าที่ของบ้านพักพิงฯ ทุกท่าน ที่ได้ดูแลทั้งผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจุฬาฯ แห่งนี้ ได้เป็นอย่างดี "
    พ่อสุริยา แก้วประสบ อายุ 35 ปี เป็นพ่อของน้องสาคร 

    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม





    อ่านต่อ